นครพนม - พ่อร้องสื่อ ลูกชายถูกทหาร 3 นายรุมทำร้ายร่างกายจนตายแต่กลับไม่รับผิดชอบ ซ้ำแจ้งความตำรวจไปแล้วนานร่วมเดือนแต่คดีไม่คืบ ประกาศเก็บศพแช่เย็นไว้จนกว่าได้รับความเป็นธรรม ยันลูกชายเป็นเสาหลัก ทำไร่ทำนาส่งเรียนจนจบรัฐศาสตร์ สุดท้ายถูกยิงทิ้งกลางทุ่ง
ที่ จ.นครพนม นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 15 บ้านชลประทาน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมญาติพี่น้อง ได้นำเอกสารหลักฐานสำคัญเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานทหาร กรณีได้รับความเดือดร้อนเนื่องจาก นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี ลูกชาย ซึ่งเคยทำงานบริษัทเอกชน เงินเดือนสูงกว่า 20,000 บาท และจบการศึกษาถึงระดับชั้นปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย อ.เรณูนคร สังกัดมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม จำนวน 3 นาย ทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธปืนยิง และใช้ไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร จ.นครพนม
เหตุเกิดบริเวณทุ่งนาใกล้หมู่บ้าน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 เม.ย. 61 ที่ผ่านมา จากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาโดน และแพทย์โรงพยาบาลเรณูนครสรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจากได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 1 นัดบริเวณขาขวา นอกจากนี้ศีรษะยังถูกทุบตีด้วยของแข็งจนศีรษะยุบ
ภายหลังลูกชายเสียชีวิต พ่อและญาติผู้ตายได้นำศพไปเก็บไว้ในโลงเย็นเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดศรีธนนชัย บ้านนาโดนใหม่ หมู่ 7 ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร โดยทางผู้เสียหายยืนยันว่าจะไม่ทำพิธีฌาปนกิจศพจนกว่าจะมีหน่วยงานทหารออกมารับผิดชอบ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 61 จนกระทั่งปัจจุบันเกือบ 1 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี ทั้งที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุ
ที่สำคัญยังไม่มีหน่วยงานทหารเข้ามาดูแลช่วยเหลือครอบครัว ทางญาติจึงต้องเก็บรักษาศพผู้ตายไว้จนกว่าจะได้ความชัดเจนในการช่วยเหลือเยียวยา และเชื่อว่าจะต้องมีการวิ่งเต้นเกี่ยวกับคดี เพราะผู้ทำผิดเป็นทหาร จึงต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน
นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี พ่อผู้ตาย เล่าถึงลูกชายตนที่เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโต มีลูกทั้งหมด 3 คน ผู้ตายเป็นคนดี เรียนหนังสือเก่ง ตนหาเงินรับจ้าง ทำไร่ทำนา ส่งเรียนหนังสือ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2550 จากนั้นได้ทำงานบริษัทเอกชนที่ กทม.ได้เงินเดือนกว่า 20,000 บาท ส่งมาดูแลพ่อแม่ เป็นเสาหลัก เป็นความหวังครอบครัว อีกทั้งเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียน ไม่เคยเกเร เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ
จนกระทั่ง 4-5 ปีที่ผ่านมา ลูกชายได้ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์ เนื่องจากมีเพื่อนชักชวนว่าค่าแรงสูง อยากช่วยพ่อแม่ให้มีฐานะดีขึ้น จึงตัดสินใจลาออก แต่ต้องผิดหวังถูกหลอกไป 3 เดือน และถูกส่งตัวกลับ
หลังกลับมามีปัญหาเกิดความเครียดเพราะเป็นคนจริงจังกับชีวิต จึงตัดสินใจมาช่วยพ่อ ทำไร่ทำนาอยู่บ้าน จนกระทั่งช่วงปีที่ผ่านมาเกิดป่วยโรคเครียดจนต้องนำไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ หมอให้ยามารับประทาน รักษาต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รุนแรงมาก และเคยนำตัวไปพักฟื้นที่โรงพยาบาล แต่ไม่ยอมอยู่หนีกลับมาอยู่บ้าน สงสารลูกจึงไม่ได้บังคับ
แต่ช่วงหลังไม่ยอมกินยา มีอาการเครียดซึมเศร้า แต่ไม่ถึงทำร้ายใครรุนแรง มีเพียงทะเลาะกันในครอบครัว ยังสามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ปกติ
ล่าสุดวันเกิดเหตุ ผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกับหลานสาว อายุ 17 ปี เนื่องจากผู้ตายต่อว่าเป็นห่วงเพราะเห็นว่ากำลังเข้าสู่วัยรุ่น ทางหลานสาวจึงตอบโต้ตามประสาวัยรุ่น จนไม่พอใจกัน ผู้ตายจึงเอามีดมาพยายามทำร้ายร่างกาย และถูกขาหลานสาวเป็นแผล แต่ไม่ได้เป็นแผลลึกมาก ตนผู้เป็นพ่อจึงดุด่า และห้ามไว้ และผู้ตายได้สงบสติอารมณ์
ต่อมาจึงได้หารือกับเพื่อนบ้าน ผู้นำชุมชน อยากหาทางนำลูกไปรักษากลัวคลุ้มคลั่งรุนแรงมากกว่านี้ เพราะช่วงหลังกลายเป็นคนสูบบุหรี่จัด แต่ไม่ดื่มเหล้า จนมีคนแนะนำให้ติดต่อทหารมาช่วยคุมตัวไปรักษาฟื้นฟูที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ โดยไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุรุนแรงขั้นนี้
นายดุสิตเล่าอีกว่า เช้าวันเกิดเหตุขณะตนไม่อยู่บ้าน พาหลานสาวไปล้างแผลที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร ลูกชายอีกคนโทร.มาแจ้งว่าทหารจะมาคุมตัวพี่ชาย คือผู้ตายไป ตนพยายามแจ้งให้รอตนกลับไปบ้านแต่ไม่ทัน ขณะผู้ตายไปเฝ้าสวนเกษตรในทุ่งนา ทหารได้เข้าไปหาพูดคุยจะคุมตัวไปรักษา แต่ผู้ตายขัดขืนวิ่งหนีเพราะเป็นคนที่มีความเครียดอยู่แล้ว คงเกิดความหวาดกลัว ทหาร 3 นายพยายามเข้าจับกุมตัว จนเกิดความรุนแรง ผู้ตายพยายามต่อสู้ และวิ่งหลบหนี
ทหารอีกนายจึงชักปืนพกขึ้นยิง 3 นัดเข้าที่ขวาขวาผู้ตาย 1 นัดทะลุ พอล้มลงกลับใช้ไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ แม้ลูกชายอีกคนพยายามวิ่งไปช่วยเหลือ แต่ไม่ทัน หลังลูกชายอีกคนไปดูสภาพว่าน่าจะเสียชีวิต ทหารจึงพยายามหาทางนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร แต่ไม่ทันเพราะลูกชายของตนสิ้นใจไปก่อนหน้านั้นแล้ว
ตนอยากถามคืนว่า ฆ่าลูกผมทำไม ลูกผมทำผิดอะไร แค่ป่วยเครียดยังไม่ได้ฆ่าใครตาย เพียงอยากให้มาช่วยนำไปรักษาตัว มาถึงวันนี้ครอบครัวสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ แจ้งความตำรวจไปยังเงียบ มีเพียงทหารที่ฆ่าลูกชายมาเสนอว่ามีเงินช่วยเหลือแค่แสนบาท แต่ตนยืนยันไม่รับ ยอมนำศพลูกชายแช่เย็นไว้ในโลงเย็นที่วัดจนกว่าจะมีคนออกมารับผิดชอบ
“จะร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด รู้ตัวว่าเป็นชาวบ้านไม่มีเส้นมีสาย แต่จะขอสู้ขอความเป็นธรรมให้ลูกชายถึงที่สุด คนทำผิดต้องได้รับผิด ถึงเงินทองได้มากแค่ไหน ไม่คุ้มกับการสูญเสียลูกชายไป ที่สำคัญ คนฆ่าเป็นทหาร ไม่เห็นมาแสดงความรับผิดชอบแม้แต่นิด” นายดุสิตกล่าว