ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมศุลกากร ร่วมกับ ศรชล. จัดประชุมสัมมนาศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล (ศรชล.) เพื่อสร้างศักยภาพ และพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางศุลกากร
วันนี้ (7 พ.ค.) นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดี รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร และ พล.ร.อ.พัลลภ ทองระอา ผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เปิดโครงการประชุมสัมมนา ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2561 ระหว่างวันที่ 7-9 พฤษภาคม 2561 ที่โรงแรมเคปราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวกว่า 50 คน จาก 7 หน่วยงาน ได้แก่ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกรมศุลกากร
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดี รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร กล่าวว่า โครงการประชุมสัมมนา ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของผู้ปฏิบัติงานร่วมใน ศรชล. อีกทั้งยังเสริมสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางศุลกากร ให้ผู้ปฏิบัติงานร่วมใน ศรชล. สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง และเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานร่วมใน ศรชล. ภายใต้เรื่อง “การปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560” และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อการปฏิบัติงานด้านศุลกากร ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับ National Single Window (NSW) และความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual Use Items) ซึ่งได้รับเกียรติบรรยายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และวิทยากรจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
นอกจากนี้ ยังมีการลงพื้นที่เยี่ยมชมการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานเพื่อการสืบสวนป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากรให้แก่ผู้ปฏิบัติงานร่วมใน ศรชล. ซึ่งหัวข้อในการประชุมสัมมนาดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องต่อขอบเขตภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ศรชล.
นายชัยยุทธ คำคุณ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน สถานการณ์ภัยคุกคามในทะเล และที่มาจากทะเลสู่ฝั่งมีการขยายรูปแบบ และขอบเขตมากขึ้น โดยปัญหาที่สะท้อนถึงความรุนแรงของภัยคุกคามทางทะเล ได้แก่ ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายในภาคการประมงและภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ปัญหาการก่อการร้ายในทะเล ปัญหาการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นในทะเล ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ปัญหาการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายและยาเสพติด ปัญหาอุบัติเหตุทางทะเล และภัยพิบัติทางธรรมชาติในทะเล ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในทุกมิติ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องกำหนดกรอบ และแนวทางดำเนินการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทยให้มีความชัดเจน และมีกลไกในการขับเคลื่อนทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติที่เข้มแข็ง เพื่อให้การควบคุมและบังคับใช้กฎหมายในทะเลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ทั้งนี้ ตามแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล พ.ศ.2558-2564 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อ 21 ตุลาคม 2557 ได้กำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย โดยกำหนดให้มีกลไกขับเคลื่อนระดับนโยบาย ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (นอปท.) และมีศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นกลไกระดับปฏิบัติ ประกอบด้วย หน่วยงานจำนวน 6 หน่วยงาน ได้แก่ กองทัพเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ในฐานะกลไกขับเคลื่อนระดับปฏิบัติเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย ได้จัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานร่วมระหว่างหน่วยงานทั้ง 6 หน่วยงาน โดยแผนปฏิบัติงานระดับนโยบายได้กำหนดให้จัดการประชุม ศรชล.ในแต่ละปีงบประมาณ จำนวน 3 ครั้ง โดยการประชุม ศรชล. ครั้งที่ 2 ของแต่ละปีงบประมาณให้หน่วยงานใน ศรชล. หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเป็นเจ้าภาพ
ด้าน พล.ร.อ.พัลลภ ทองระอา ผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กล่าวว่า ได้เห็นประโยชน์จากกิจกรรม และการสัมมนาของ ศรชล. ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงทางทะเลของชาติ อีกทั้งยังคงเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้า และความกล้าหาญของแต่ละหน่วยงานใน ศรชล.ที่ยอมสละความเป็นตัวตนของหน่วยงานมาร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อส่วนรวม และจากการกำหนดหัวข้อการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่า จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปฏิบัติงานในทางทะเลของเจ้าหน้าที่ และเป็นการรับรองความเป็นมืออาชีพของกำลังพลในการบังคับใช้กฎหมายต่อไป อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับเตรียมความพร้อมในการยกระดับ ศรชล. เป็นศูนย์อำนวยการประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเร็ววันนี้