สุรินทร์- “นายกฯตู่” ลงพื้นที่ตรวจราชการ “ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม” ชายแดนไทย - กัมพูชา พร้อมพบปะชาวบ้านที่เดินทางมาต้อนรับควงไมค์ร่วมร้องเพลงชื่นมื่น ย้ำรัฐบาลเน้นแก้ไขปัญหาให้พี่น้อง ปชช. มีความเป็นอยู่ที่ขึ้น ขอให้รออีกไม่นาน พร้อมฝากดูแลลูกหลานเป็นคนดีของสังคมประเทศชาติ เผย พูดเขมรทักทาย จนท.กัมพูชา ขณะชาวสุรินทร์เชียร์ให้เป็นนายกฯต่อ
วันนี้ (7 พ.ค. ) เวลา 09.10 น. ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ชายแดนไทย - กัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 3/2561 ระหว่างวันที่ 7 - 8 พฤษภาคม 2561 ณ จ.บุรีรัมย์ โดยมี นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานราชการ ด่านศุลกากรช่องจอม ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง หน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาวอำเภอกาบเชิง กว่า 300 คน ให้การต้อนรับ
ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้ทักทาย ข้าราชการ จากหน่วยงานต่างที่เดินทางมาให้การต้อนรับ จากนั้นได้รับฟังการบรรยาย ผลดำเนินงานของด่านศุลกากรช่องจอม ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานงานเติบโตขึ้นตามลำดับ มีมูลค่าการค้าขาย ส่งออก - นำเข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อมโยงการค้าขายกับจังหวัดในภาคอีสานตอนล่าง สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ ศรีสะเกษ ในการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศกัมพูชา และด่านศุลกากรช่องจอม มีแผนการก่อสร้าง ที่ทำการด่านศุลกากร และด่านพรมแดนช่องจอม แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจาก ด่านผ่านแดนช่องจอม 200 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ในความผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
หลังฟังการบรรยายของเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่ขอให้สอดคล้องกับนโยบาลของรัฐบาล เพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การที่มีการขอเปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ของหน่วยงานต่างๆ นั้น เราต้องดูว่า เปิดแล้วได้ประโยชน์อะไร หากมาใช้ประโยชน์ร่วมกันจุดนี้จะก่อเกิดประโยชน์อย่างไรได้บ้าง ส่วนพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์เราต้องรักษาไว้ไม่อยากไปทำลาย เราต้องหาวิธีจะดำเนินอย่างอื่นได้อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะทักทาย ประชาชนชาวอำเภอกาบเชิง จำนวน 300 คน ที่เดินทางมาให้การต้อนรับ ซึ่งชาวบ้านได้พากันร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” และ “สู้เพื่อแผ่นดิน” ต้อนรับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เดินทักทาย ประชาชน และถือไมโครโฟนร้องเพลง ไปพร้อมกับประชาชน
โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางทักทายประชาชนถึง 2 รอบ พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจประชาชน ขอให้มีความอดทนสักหน่อย ลำบากอีกไม่นาน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น การปลูกข้าวต้องปลูกข้าวอินทรีย์ เพื่อจะมีราคาจำหน่ายสูงขึ้น ลดต้นทุนการทำนาทำไร่ และให้หาอาชีพเสริมนอกจากประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา รวมทั้งการค้าขายแบบออนไลน์พิ่มช่องทางการตลาด จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มจังหวัดอีสานตอนล่าง มีการเสนอมาให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนโครงการต่างๆ เป็นจำนวนมาก รัฐบาลจะดูความเหมาะสม ส่วนใครจะมีเรื่องร้องเรียนอะไร ก็ให้บอกผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบอกได้ทุกเรื่อง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ถามชาวบ้านว่า มีความสุขไหม ชาวบ้านตอบว่า มีความสุข ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติต่อไป นายกรัฐมนตรียังบอกให้ชาวบ้านที่มาต้อนรับ ให้อบรมลูกหลานให้ดี เป็นคนดีของสังคมประเทศชาติ และเตือนประชาชนว่า การเล่นเฟซ เล่นไลน์ ก่อนจะเชื่อหรือจะโฟสต์ อะไรให้ตรวจสอบดูให้ดี จะได้ไม่มีปัญหาตามมา
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินไปทักทาย สอบถามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ซึ่งยืนเข้าแถวทำความเคารพและต้อนรับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ให้ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางผ่านแดน จากนั้นได้เดินต่อไปยัง ประตูด่านเขตแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กัมพูชา ประจำด่านโอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ให้การต้อนรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวทักทาย จับมือ กับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองโอร์เสม็ด และเจ้าหน้าที่ศุลกากรโอร์เสม็ด ถึงการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมบอกว่าเราอยู่กันด้วยความปกติสุข มีความสัมพันธ์ที่ดี ต่อกัน รักกัน ขอให้รักกันไว้
นายกรัฐมนตรี กล่าวเป็นภาษากัมพูชา “ออกุนเจริญ” ขอบคุณเจ้าหน้าที่กัมพูชา ที่เดินทางมาต้อน ด้วยไมตรีอันอบอุ่นสร้างความประทับใจแก่เจ้าหน้าที่กัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้ระมัดระวังในการยืน ในพื้นที่เขตแดนไทย โดยไม่ได้ก้าวข้ามแดนแต่อย่างใด
จากนั้นได้เดินทางออกจากประตูด่านผ่านแดนช่องจอม - โอร์เสม็ด มาทักทายสอบถามเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ให้กำลังใจการทำงาน และต่อจากนั้น ได้เดินออกมาจากด่านผ่านแดนแวะเปิดกระจกห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรช่องจอม ทักทาย เจ้าหน้าที่ด่านศูลกากรช่องจอม เสร็จแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปทักทายประชาชนในเต็นท์ ที่มาให้การต้อนรับอีกรอบ และร้องเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” และ ยังบอกชาวบ้านที่มาร้องเพลงว่า เพลงที่แต่งไว้และร้องกัน มีทุกหมด 6 เพลง
หลังจากร้องเพลงกับชาวบ้านแล้ว ได้ลาประชาชน และ ข้าราชการที่มาต้อนรับ ขึ้นรถเดินทางไปยัง หมู่บ้านท่าสว่าง ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ ในเวลา 09.45 น. เพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวบ้านท่าสว่าง ซึ่งเป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณที่มีชื่อของจังหวัดสุรินทร์ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2561 ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.)