เชียงใหม่ - รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวนำทีมสนธิกำลังตำรวจ ทหาร ป่าไม้ ตรวจนอมินีทุนต่างชาติ ผุดโรงแรม-อพาร์ตเมนต์เชียงใหม่ พร้อมตามส่องซิปไลน์-ปางช้างดัง พบทั้งส่อรุกพื้นที่ป่า-ฝืนคำสั่งรื้อถอน ลอบเปิดบริการกันอื้อ
วันนี้ (30 เม.ย.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.เชียงใหม่ นำกำลังตำรวจท่องเที่ยว-นปพ.และตำรวจภูธรภาค 5, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดพยัคฆ์ไพร ฝ่ายปกครอง และทหาร เปิดยุทธการปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวบุกรุกป่าสงวน ครั้งที่ 3 ในพื้นที่เชียงใหม่ หลังได้รับการร้องเรียนว่ากลุ่มทุนต่างชาติดำเนินธุรกิจในลักษณะนอมินี
โดยดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งสถานประกอบการโรงแรม อพาร์ตเมนต์ สถานที่ท่องเที่ยว ซิปไลน์ ปางช้าง ร้านจำหน่ายของฝาก-หมอนยางพารา รวม 19 เป้าหมาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบอพาร์ตเมนต์ โรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต อีกทั้งยังมีลักษณะอาจเข้าข่ายนอมินีกลุ่มทุนต่างชาติหลายแห่ง ซึ่งจะมีการตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป รวมทั้งตรวจสอบร้านขายของฝากที่นำของไร้คุณภาพมาจำหน่ายด้วย
สำหรับผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้สามารถดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2 ราย ตรวจยึดรถยนต์สวมทะเบียนของบริษัททัวร์ จำนวน 6 คัน ผู้ประกอบการเปิดธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รบอนุญาต 2 ราย ตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงผจญภัยจำนวน 14 แห่ง พบมีใบอนุญาต 5 แห่ง ปิดกิจการแล้ว 4 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินคดี 3 แห่ง พบการกระทำผิด 2 จุด
โดยเฉพาะปางช้างใน ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 2 แห่ง พบว่า นอกจากอาจจะมีปัญหาเรื่องสิทธิครอบครองที่ดิน-การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแล้ว ยังพบว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ-สั่งรื้อถอนอุปกรณ์ให้บริการซิปไลน์มาแล้ว แต่กลับฝ่าฝืนเปิดให้บริการอยู่
พล.ต.ต.สุรเชษฐเปิดเผยว่า เป็นการบูรณาการตรวจค้นตามคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ ให้ตรวจสอบเรื่องการบุกรุกผืนป่า เบื้องต้นพบนายทุนบุกรุกถือครองในพื้นที่ป่าสงวนในเชียงใหม่ทำกิจการท่องเที่ยวหลายแห่ง พบแหล่งท่องเที่ยวซิบไลน์ที่อาจผิดกฎหมายกว่า 7 แห่ง ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับพื้นที่ต่อไป ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ประกอบกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
