ลำพูน - สองสามีภรรยาชาวลำพูนโร่ร้อง สสจ. หลังแม่ปวดขาพาเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังตามสิทธิ์ได้ 4 วันไม่รู้ผล แถมบอกให้กลับบ้านได้ ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงแม่ปวดหนักขึ้น พอนำตัวส่งโรงพยาบาลรัฐแทนหมอฟันธงเส้นเลือดอุดตัน-ต้องตัดขาทิ้งอย่างเดียว
วันนี้ (24 เม.ย.) นางสาวขวัญเรือน ศรีเจริญ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 6 ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน พร้อมด้วยนายวราวุธ ศรีเจริญ สามี ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสาธารณสุขจังหวัดลำพูน
กรณีแม่ของตัวเองคือ นางกุย ตาแจ้ อายุ 73 ปี ป่วยกะทันหัน มีอาการปวดขาข้างซ้ายอย่างเฉียบพลัน จึงได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูนตามสิทธิ์การรักษา แต่ไม่มีการรักษาหรือวินิจฉัยโรค ปล่อยให้คนไข้พักอยู่โรงพยาบาล 4 วันทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม จนต้องขอเปลี่ยนโรงพยาบาลนำตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลลำพูน และแพทย์ตรวจพบว่าขาข้างซ้ายเริ่มเน่า จึงจำเป็นต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้ง
นางสาวขวัญเรือนกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ตนนำแม่มารักษาตามสิทธิ์ที่โรงพยาบาลเอกชนก็หวังว่าจะได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี แต่กลับถูกละเลย แม่ของตนมีอาการปวดขาอยู่ตลอดเวลา การรักษามีเพียงฉีดยาแก้ปวดให้เท่านั้น ส่วนแพทย์ก็จะมาตรวจตอนกลางคืนแล้วก็ไป โดยแจ้งว่าแม่ของตนเป็นโรคกระดูกทับเส้น แต่อาการของแม่ตนก็ไม่ดีขึ้น
กระทั่งวันที่ 19 เม.ย. อาการของแม่ทรุดหนัก และขามีสีคล้ำมากขึ้นจนไม่มีความรู้สึก แต่วันรุ่งขึ้น (20 เม.ย.) แพทย์บอกว่าให้กลับบ้านได้ ซึ่งพอพามาถึงบ้านไม่ถึงชั่วโมงอาการกลับหนักกว่าเดิม จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลของรัฐแทน โดยนำแม่ไปรักษาต่อที่ รพ.ลำพูน
ต่อมาทางแพทย์ รพ.ลำพูนได้แจ้งตนว่าต้องตัดขาข้างซ้ายแม่ทิ้งโดยด่วนไม่เช่นนั้นอาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้ เพราะว่าเส้นเลือดอุดตันที่ขานานเกิน 6 ชั่วโมงไปแล้ว ไม่สามารถรักษาขาไว้ได้ต้องตัดทิ้งอย่างเดียว ซึ่งการกระทำของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ตนข้องใจว่าทำไมจึงมีการบริการแบบนี้
นางสาวขวัญเรือนกล่าวว่า ตนคิดว่าโรงพยาบาลเอกชนจะเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่เลย จึงอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารและแพทย์ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะการเพิกเฉยหรือไม่ค่อยใส่ใจการรักษาคนไข้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ จึงได้มายื่นหนังสือถึงสาธารณสุขจังหวัดลำพูน และส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
ทั้งนี้ นายแพทย์ สมาน พรวิเศษศิริกุล รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยนายวิชณ์พล พรมสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่นิติกร ได้ร่วมกันรับเรื่องดังกล่าวไว้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ที่ติดราชการ โดยได้เชิญผู้เสียหายเข้าบันทึกคำร้องต่างๆ พร้อมรับว่าจะดำเนินการเรียกผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนตามที่กล่าวอ้างในหนังสือร้องเรียนมาสอบถามตามขั้นตอนให้ญาติคนไข้เกิดความพึงพอใจต่อไป