ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (25 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 235 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ครอบครัว “มากอ้น” ประกอบด้วย นางนิยม วัย 72 ปี นายเดื่อง วัย 74 ปี และ นางสาวขวัญเรือน วัย 47 ปี เดินทางมาจาก จ.ตรัง พร้อมด้วย ญาติจาก จ.ลพบุรี คือ นางสาวจารุวรรณ พัฒนโก อายุ 46 ปี และนายเอกชาติ ชูแก้ว อายุ 42 ปี รวม 5 คน นัดแนะมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวว่า เดินทางมาโดยเครื่องบิน มาพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ก่อนจะต่อแถวมากราบสักการะพระบรมศพเมื่อประมาณ 08.00 น. โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพพระองค์ท่านเบื้องหน้าพระบรมโกศได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านไปสู่สุขคติ ส่วนตัวเองจะตั้งใจความดีตามที่พระองค์ทรงสอน “ที่ผ่านมา ประทับใจพระองค์ท่านมากที่ทรงช่วยเหลือประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ อย่างที่จังหวัดตรังก็มีโครงการอ่างเก็บน้ำท่างิ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ อ.ห้วยยอด ที่นั่นมีเครื่องเพิ่มออกซิเจนที่จะช่วยบำบัดน้ำเสียจากกระชังเลี้ยงปลาก่อนปล่อยน้ำลงคลองให้ชาวบ้านนำไปใช้ต่อไป ซึ่งนับถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะที่บ้านก็ปลูกสวนยาง และทำสวนผลไม้ทั้งลองกอง ทุเรียน ไว้กินเอง และแจกจ่ายเพื่อนบ้าน และถ้ามีเหลือก็จะนำไปขายเป็นรายจุนเจือครอบครัวด้วย"เกษตรกรจาก จ.ตรัง กล่าวทั้งน้ำตา
ด้านนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง น.ส.อรุณศรี อารีราษฎร์ อายุ 34 ปี อาชีพผู้จัดการบริษัทผลิตกระเป๋า น.ส.รุ่งเรือง ธารีสรรค์ อายุ 33 ปี อาชีพข้าราชการ และน.ส.ฉวีวรรณ มาสังข์ อายุ 33 ปี ธุรกิจส่วนตัวและทำสวน เปิดเผยว่า ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาล ๙ ให้ได้รับทุนจากมูลนิธิทุนเล่าเรียนหลวงกาญจนาภิเษก จากการคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดี ประพฤติ ในอำเภอต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 999 ทุน ให้ได้เล่าเรียนในระดับชั้น ม.1 - ม.6 กระทั่งปัจจุบันทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดี
ด้าน น.ส.ฉวีวรรณ หนึ่งในนักเรียนทุนเปิดเผยว่า การที่เราได้รับทุนหลวงพระราชทาน นับเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ขาดแคลน เพราะมีหลายคนที่ไม่มีโอกาสต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยพ่อแม่ทำงาน ซึ่งทุนเล่าเรียนหลวงพระราชทานนี้ เป็นทุนแบบไม่ผูกมัด ส่วนตัวมากราบในหลวงรัชกาล ๙ เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งความจริงแล้วอยากมีโอกาสมากราบพระองค์ขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพมากกว่า
ส่วน น.ส.อรุณศรี กล่าวด้วยว่า เราเป็นเหมือนก้อนดินก้อนเล็ก ที่ในหลวงรัชกาล ๙ ทรงมอบให้โอกาส เป็นความซาบซึ้งใจ ซึ่งหากว่าผู้ที่จบชั้นมัธยมศึกษา มีความประสงค์ที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี กระทั้งปริญญาโท ทางมูลนิธิทุนเล่าเรียนหลวงฯ จะประสานทุนอื่นๆ เพื่อให้พวกเราได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวได้น้อมนำปรัชญาในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี