xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรเดินทางมากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 126

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พสกนิกรทั่วสารทิศเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 126 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

วันนี้ (8 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 126 ตลอดทั้งวัน ยังมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

นางสาวคำประไพ พองเต็ม อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อาศัยอยู่แถวหลักสี่ โดยยึดอาชีพรับจ้างดูแลคนป่วยตามบ้านพัก กล่าวภายหลังสักการพระบรมศพ ว่า มาเป็นครั้งที่ 3 แล้วแต่ไม่ได้รอนานเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาที่รอนานถึง 12 ชม. รอบนี้มาถึงสนามหลวงตอน 08.00 น. และได้เข้าสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตอน 11.30 น. วินาทีที่ได้ก้มกราบพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ รู้สึกภูมิใจ ตื้นตันใจไม่ต่างจากทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างไม่เคยหยุดพัก และทรงช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่เคยแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา นับเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ในปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง

“หลายปีก่อนอาจไม่เคยได้ติดตามข่าวพระราชกรณียกิจของในหลวงเลยพึ่งมาสนใจดูข่าวพระราชกรณียกิจของพระองค์เมื่อ 3 - 4 ปีก่อน แล้วรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเรามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เคยรู้เลยว่าท่านทรงงานหนักขนาดไหนเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์อยู่ดีกินดี แม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนจังหวัดอุบลราชธานีแห้งมากอย่าว่าแต่น้ำใช้ในการเกษตรเลย น้ำดื่มยังไม่ค่อยจะมี แต่พอในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระราชทานฝนเทียมมาให้ ทำให้เกษตรกรไพร่ฟ้าหน้าใส มีน้ำใช้ในการทำนาปลูกข้าว ทุกวันนี้แม่ก็เดินตามรอยพระราชปณิธานในหลวงปลูกไร่นาสวนผสมแบ่งพื้นที่ ปลูกข้าว ปลูกผัก ไว้ขาย และแบ่งไว้กินเองด้วย ส่วนตัวเราเองก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามหลักคำสอนของในหลวง ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ใช้เงินตามใจตัวเองเหมือนที่ผ่านมา เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา” นางสาวคำประไพ กล่าว

หลังจากกราบสักการะพระบรมศพแล้ว นางสาวภูวดี คุนผลิน ที่มาร่วมในคณะเจ้าภาพ เผยว่า ตัวเองเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 49 วันนี้จึงมีโอกาสได้เข้ามากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ อีกครั้ง นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งครั้งนี้โชคดีมาก ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด เพราะได้ขึ้นไปนั่งฟังพระสวดด้านบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทด้วย

“ที่ผ่านมา รู้สึกประทับใจพระองค์ท่านในทุกอิริยาบถ และทุกสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประชาชน ท่านทรงทำแต่งานทุกวันไม่มีวันพักผ่อน และคิดว่าคนไทยทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้ ท่านทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีที่สุดของโลก ถ้าคนไทยทำได้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่านเชื่อว่าจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก” หนึ่งในคณะเจ้าภาพเผย

นางขวัญเรือน โพธิ์ทอง อายุ 53 ปี พนักงานบัญชีบริษัทแห่งหนึ่งย่านบางนา กล่าวภายหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 17 ว่า มีความตั้งใจจะมาถวายสักการะพระบรมศพให้ครบ 19 ครั้ง เพราะถือเป็นเลขมงคลของตัวเองเพื่อจะให้ชีวิตก้าวหน้าต่อไป จากการมาสักการะทั้ง 17 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2559 เป็นต้นมา เผชิญมาทุกสภาพอากาศไม่ว่าจะร้อนอบอ้าวหรือฝนตกหนัก เคยต่อแถวรอนานสุด 15 ชั่วโมง ก็ไม่ย่อท้อแต่รู้สึกปลาบปลื้มและชุ่มชื่นหัวใจทุกครั้งที่ได้มา

“ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเสียสละและทรงมีแต่ให้กับประชาชนของพระองค์มาโดยตลอด คำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นคำสอนที่ดีมากและใช้ได้จริง ตลอดชีวิตการทำงานด้านบัญชียึดหลักซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา และมัธยัสถ์อดออม ซึ่งตรงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ อีกสองปีตัวเองจะเกษียณแล้ว ยึดคำสอนของพระองค์มาวางแผนการใช้ชีวิตในบั้นปลายให้มีความสุข โดยตั้งใจจะกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ จ.ชลบุรี ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกผักเลี้ยงปลาไว้เลี้ยงชีพ” นางขวัญเรือน กล่าว

ด.ช.ภัทราวุธ ดอนงาม อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภัทรญาณวิทยา จ.นครปฐม กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับคุณครูสอนวิชาดนตรีไทย ของโรงเรียน เนื่องจากตนเล่นระนาดเอก ส่วนเพื่อนร่วมห้อง คือ ด.ช.พลพล ศรีสุทรี เล่นฆ้อง คุณครูจึงได้พามากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ รู้สึกดีใจมาก ขณะขึ้นไปกราบก็รู้สึกเศร้าใจที่พระองค์ท่านสวรรคต ช่วงที่พระองค์สวรรคตใหม่ๆ ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ กับทางโรงเรียน เช่น ร่วมแปรอักษรเป็นเลขเก้าไทย ถวายความอาลัย เพราะพระองค์ท่านเป็นผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทย ท่านทรงไปทุกที่เพื่อไปดูแลและเยี่ยมราษฎร์โดยไม่กลัวกับความลำบาก พระองค์ท่านทำให้ประชาชนและประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองขึ้น

“ผมนำคำสอนของพระองค์ในเรื่องความอดทน ความเพียรพยายามมาเป็นแบบอย่าง และหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การเก็บออม เวลาพ่อแม่ให้เงินค่าขนมไปโรงเรียน ผมก็จะไม่ใช้หมด เก็บออมไว้บางส่วน เวลาเราอยากได้อะไรจะได้นำไปซื้อโดยที่ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่อีก นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นผู้ชี้แนะแนวทางให้กับประเทศ และทรงเป็นขวัญกำลังใจของประชาชนชาวไทยด้วย”










กำลังโหลดความคิดเห็น