กว่าครึ่งปีผ่านไป..สุดท้ายไม่มีอะไรชัดเจน คดีการเสียชีวิต “นตท.ภคพงค์ ตัญกาญจน์”
พลันที่คดีการเสียชีวิตปริศนาของ นตท.ภคพงค์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย”ถูกเปิดเผยจากคนในครอบครัวตัญกาญจน์ ที่ประกอบด้วย นายพิเชษฐ์ นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ที่ตัดสินใจหอบหลักฐานที่มีในมือขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนในพื้นที่ ระหว่างการประกอบพิธีทางศาสนา หลังการเสียชีวิตของ “น้องเมย” เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 ได้เพียง 2 วัน ภายใต้ข้อสงสัยในคำตอบที่ได้รับผ่านใบมรณบัตรจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ระบุเพียงว่า เกิดจาก “ภาวะหัวใจล้มแล้วเฉียบพลัน” ซึ่งค้านกันอย่างสิ้นเชิงต่อสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง
กระทั่งครอบครัวต้องตัดใจสินใจครั้งใหญ่ด้วยการจัดพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดวิเวการาม อ.บางพระ จ.ชลบุรี ตามกำหนดการที่ระบุไว้ คือ วันที่ 24 ต.ค.2560 หลังการ์ดเชิญถูกส่งถึงมือผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้นับถือไปจนหมด แต่ร่างไร้วิญญาณกลับไม่ได้ถูกเชิญขึ้นสู่เมรุตามพิธีทางศาสนา แต่ร่างไร้วิญญาณที่ยังคงรอคอยความยุติธรรม กลับถูกส่งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การประสานงานของผู้ที่เห็นใจครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้จนสำเร็จลุล่วง โดยไม่มีการแพร่งพรายข้อมูลดังกล่าวให้ใครได้รับรู้
อวัยวะหาย รอยช้ำตามร่างกาย ผลผ่าพิสูจน์รอบ 2 ค้านผลพิสูจน์รอบแรกสิ้นเชิง
ร่างของ “น้องเมย” ถูกผ่าพิสูจน์รอบ 2 จากผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 8 พ.ย.2560 แต่คำตอบที่ได้รับในรอบนี้ถึงกับทำให้คนในครอบครัวตกใจถึงขีดสุด เมื่อพบว่า นอกจากข้อสรุปการเสียชีวิตจะแตกต่างจากการผ่าพิสูจน์ของสถาบันแรก อย่าง สถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎ โดยสิ้นเชิงแล้ว การผ่าร่างในครั้งนี้ยังพบว่า อวัยวะสำคัญหลายอย่างหายไป เช่น หัวใจ สมอง กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ ยังพบรอยช้ำที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด และยังพบว่ามีการหักของซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทำ CPR รวมทั้งรอยช้ำที่มุมขวาด้านหน้า เช่นเดียวกับบริเวณแผ่นหลัง
กองทัพไทยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
จากนั้นเพียงไม่กี่วัน กองทัพไทย ต้องออกโรงตั้งโต๊ะแถลงข่าวครั้งใหญ่ พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งทีมแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ ผบ.โรงเรียนเตรียมทหาร และนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนาย เพื่อตอบคำถามสังคมเกี่ยวกับการเสียชีวิต และการหายไปของอวัยวะภายในที่ไม่เคยแจ้งให้ครอบครัวได้รับทราบ แต่ก็ดูเหมือนว่า การตั้งโต๊ะแถลงข่าวในครั้งนั้นจะไม่สามารถตอบคำถามที่คาใจของคนในครอบครัว และสังคมได้แม้แต่น้อย
นอกจากนั้น ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงค์ ตัญกาญจน์ ภายใต้การนำของ พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ที่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการการทำงานในชุดนี้ แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างไปจากคำตอบแรก และไม่ได้ทำให้ครอบครัวตัญกาญจน์ สบายใจแต่อย่างใด
เผาจริง ประกาศเดินหน้าสู้
วันที่ 10 ธ.ค.2560 ครอบครัวตัญกาญจน์ ตัดสินใจจัดพิธีฌาปนกิจ “น้องเมย ” ที่วัดวิเวการาม. ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อีกครั้ง และเป็นการฌาปนกิจจริง ด้วยหวังให้ “น้องเมย” ได้เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางตามความเชื่อทางศาสนา พร้อมประกาศเดินหน้าทวงถามหาความจริง ภายใต้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และข้อมูลทั้งทางตรง และทางลับที่มี เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมตั้งทีมทนายความมืออาชีพ จากบริษัท บาร์ริสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์เฟิร์ม จำกัด เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมายในการเดินหน้าเอาผิดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องด้วยเชื่อว่าการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เกิดจากการถูกทำร้าย
วันที่ 16 ม.ค.2561 ครอบครัวตัญกาญจน์ ได้หอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้ากองทัพไทย เพื่อพบกับ พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงค์ ตัญกาญจน์ เพื่อนำข้อวินิจฉัยเกี่ยวกับสภาพทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ได้เข้าขอคำปรึกษาจาก “คุณหญิง พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์” เพื่อเป็นแนวทางในการพูดคุย พร้อมตั้งประเด็นสงสัยหลายประการ ทั้งเรื่องเก่า และใหม่ที่เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะ และรอยบอบช้ำตามร่างกายที่ยังไม่เคยได้รับคำตอบ แต่สุดท้ายการเข้าพบประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ และคณะกรรมการทั้ง 11 ท่านในครั้งนั้นก็ไม่มีอะรดีขึ้น ซ้ำยังถูกตอกย้ำเรื่องการเสียชีวิตเพราะ “หัวใจล้มเหลมเฉียบพลัน” และจนถึงวันนี้ ครอบครัวตัญกาญจน์ ก็ยังไม่ได้รับเอกสารเรื่องการสรุปผลการสอบสวนจากกองทัพไทย แม้จะมีการร้องขอไปแล้วหลายครั้ง
โต้กระแสข่าวรับเงิน 10 ล้าน ยุติเคลื่อนไหว
วันที่ 7 มี.ค.2561 เกิดกระแสข่าวการรับเงิน 10 ล้านบาท จากกองทัพเพื่อให้ยุติความเคลื่อนไหว จนครอบครัวตัญกาญจน์ ต้องออกมาเปิดใจ และปฏิเสธกระแสข่าวลือดังกล่าวต่อสื่อมวงชนอีกครั้ง โดยเฉพาะการเปิดเผยถึงข้อข้องใจเกี่ยวกับการสรุปผลการตรวจ DNA ครั้งล่าสุดของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า เนื้อเยื้อจากอวัยวะต่างๆ มีสารพันธุกรรมในปริมาณและคุณภาพที่ไม่เหมาะสมในการตรวจวิเคราะห์ ทำให้ไม่สามารถระบุรูปแบบสารพันธุกรรมเพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าเป็นของบุคคลใดได้ ที่เชื่อว่าเพราะสุดท้ายแล้วอวัยวะที่นำไปตรวจไม่ใช่ของ “น้องเมย” จึงไม่สามารถตรวจสอบได้
น.ส.สุพิชา บอกว่า นอกจากทางครอบครัวจะไม่หยุดเคลื่อนไหวแล้ว ในวันนี้ยังทำงานคู่ขนานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายก ในการหาเอกสารเกี่ยวกับผลการชันสูตรต่างๆ เพิ่มเติม เช่นเดียวกับการหาความจริงเรื่องผลการตรวจ DNA ที่ทางครอบครัวเชื่อว่าสามารถตรวจสอบได้ เพราะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเก็บชิ้นเนื้อแม้จะนาน 10-20 ปี ก็ยังสามารถนำมาพิสูจน์ได้ แต่ในส่วนของน้องชาย ชิ้นเนื้อที่ถูกเก็บเพียงเดือนกว่าๆ เหตุใดจึงไม่สามารถตรวจสอบได้
เดินหน้าฟ้อง 3 ศาล เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันยั งได้เปิดเผยถึงการดำเนินคดีอาญาต่อผู้เกี่ยวข้อง ที่ในวันนี้ทางครอบครัวได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในช่วงแรก คือ วันที่ 23 ส.ค.2560 ซึ่งมีการธำรงวินัยจน “น้องเมย” จนหมดสติ และอัยการศาลทหาร มทบ.12 ได้สั่งฟ้องจำเลยซึ่งก็คือรุ่นพี่บังคับบัญชา ไปแล้ว 1 ราย
ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2560 ซึ่ง “น้องเมย” อยู่ในช่วงทุเลาการฝึกตามคำสั่งแพทย์ แต่ก็พบว่าถูกรุ่นพี่บังคับบัญชาอีกรายสั่งธำรงวินัย ทั้งที่เพิ่งลงจากกองพยาบาล โดยได้แจ้งความดำเนินคดีต่อรุ่นพี่คนนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา
และล่าสุด พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครนายก ในฐานะประธานคณะทำงานสืบสวนชุดใหม่ ยังได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสืบสวนชุดใหม่ของ สภ.บ้านนา จ.นครนายก ได้ประสานงานไปยังโรงเรียนเตรียมทหาร และนายทหารพระธรรมนูญ เพื่อขอสอบปากคำพยานตามสำนวนการชันสูตร ที่มีทั้งสิ้น 28 ปาก และสอบปากคำเพิ่มเติมพยานอีก 8 ปากแล้ว
ส่วนเหตุการณ์ที่ 3 ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค.2560 ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2561 ที่ผ่านมา ทางครอบครัว และทีมดูแลงานกฎหมาย และทีมทนายความได้เดินทางไปยัง สภ.บ้านนา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อรุ่นพี่อีก 1 คน และทีมแพทย์ จากกองแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหารอีก 2 คน ที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตัวเข้ารักษาหลังมีอาการหนักในวันที่ 17 ต.ค.2560 ก่อนเสียชีวิตในช่วงเย็นวันเดียวกันอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมทนายความยังจะเดินดำเนินคดีทางแพ่งต่อผู้บัญชาการ โรงเรียนเตรียมทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องในฐานความผิดปล่อยปละละเลย เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อครอบครัวตัญกาญจน์ ซึ่งในวันนี้ทั้งภาคสังคม และครอบครัวตัญกาญจน์ ก็ยังรอคอยให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ เพื่อหาคำตอบให้แก่สังคมต่อไป ภายใต้ความหวังว่า “คดีการเสียชีวิตปริศนาคดีนี้จะไม่เลื่อนหายไปตามกาลเวลา”