นครสรรค์ - รัฐมนตรีกระทรวง พม.ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มอบบ้านมั่นคง 102 ครอบครัว เผยแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศกว่า 1 ล้านครัวเรือน ขณะที่ภาคประชาชนยื่นข้อเสนอผ่าน รมว.พม.ขอใช้ที่ดินรัฐในรูปแบบการเช่าระยะยาวสร้างบ้านเพื่อให้คนจนทั่วประเทศมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง
วันนี้ (19 เม.ย.) เวลา 09.30 น. พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และคณะ ได้เดินทางมาที่ชุมชนรณชัยและชุมชนสวรรค์เมืองใหม่ เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบ้านมั่นคงชุมชนสวรรค์เมืองใหม่ จำนวน 102 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นสักขีพยานในการมอบทะเบียนบ้าน สัญญาเช่าที่ดินจาก ธนารักษ์จังหวัดให้ทั้ง 2 ชุมชน และการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมของหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยใน จ.นครสวรรค์
โดยมีนายธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการ จ.นครสวรรค์ ตัวแทนส่วนราชการต่างๆ ในจังหวัด และนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ให้การต้อนรับ มีประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ 500 คน
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม.กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องบ้านซึ่งเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญของประชาชนทุกคน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีครัวเรือนทั้งหมดประมาณ 21.32 ล้านครัวเรือน มีผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่อยู่อาศัยประมาณ 3.5 ล้านครัวเรือน รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2579 รวม 1,053,702 ครัวเรือนทั่วประเทศ
“โครงการบ้านมั่นคงในจังหวัดนครสวรรค์ และอุทัยธานี ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย 20 ปีของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งกระทรวง พม.และ พอช. รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่นจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยจะทำทั้งประเทศ และไม่ใช่จะทำแต่เฉพาะเรื่องบ้านเท่านั้น แต่จะต้องทำทุกเรื่อง เช่น เรื่องเด็กและเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ เรื่องสิ่งแวดล้อม การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579” รมว.พม.กล่าว
พล.อ.อนันตพรกล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้ 1. นโยบายและแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับจังหวัดให้บรรลุเป้าหมาย 2. ให้การเคหะแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมจัดทำข้อมูลเพื่อการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล หรือ Big data ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน รวมทั้งเป็นการยกระดับประสิทธิภาพของการจัดสวัสดิการสังคมและการช่วยเหลือของภาครัฐเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และ 3. เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยภายใต้การเคหะแห่งชาติ ตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างโอกาสให้แก่ผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยตามแนวทางประชารัฐเพื่อสังคมต่อไป
นางอร่ามศรี จันทร์สุขศรี ประธานเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย 20 ปีของรัฐบาล โดยเสนอให้มีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและมีกลไกขับเคลื่อนระดับต่างๆ ที่มีองค์ประกอบจากหลากหลายฝ่าย รวมทั้งชุมชนที่เดือดร้อนเข้าร่วมแก้ไขปัญหา และเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบ “การใช้ที่ดินรัฐในการแก้ไขปัญหา ในรูปแบบการเช่าที่ดินระยะยาว” เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศได้มีโอกาสในการนำที่ดินของรัฐทุกประเภทมาสร้างที่อยู่อาศัยที่มั่นคง รวมทั้งขอให้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้านอื่นๆ ที่มากกว่าบ้าน
นายสมชาติ ภาระสุรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า พอช.ได้ร่วมกับ ส.ป.ก.นำที่ดินที่ ส.ป.ก.ยึดมาจากผู้ที่ครอบครองไม่ถูกต้อง รวมทั้งพื้นที่ที่หมดสัญญาเช่า เช่น ที่ดิน ส.ป.ก.ตำบลระบำ มาจัดสรรให้เกษตรกรที่ขาดแคลน โดย พอช.มีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย เริ่มดำเนินการในปี 2560 ซึ่งขณะนี้ได้ทำโครงการนำร่องไปแล้วทั้ง 5 ภาค 7 จังหวัด คือ อุทัยธานี กาญจนบุรี ชลบุรี สระแก้ว นครราชสีมา กาฬสินธุ์ และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งหมด 982 ครัวเรือน ใช้งบประมาณทั้งหมด 46.9 ล้านบาท ขณะนี้สนับสนุนการก่อสร้างบ้านเสร็จแล้วประมาณ 500 ครัวเรือน (รวมตำบลระบำ จ.อุทัยธานี)