บุรีรัมย์ - นายก อบต.พระครู จ.บุรีรัมย์บุกแจ้งจับ “ดาบตำรวจ” เลือดร้อน กระโดดชกต่อยขณะเป็นประธานมอบรางวัลงานกีฬาต้านยาเสพติดจนล้มคว่ำ สร้างความตื่นตกใจให้ผู้ร่วมงานนับร้อย เผยไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง คาดไม่พอใจเงินรางวัลน้อย ยันเอาผิดทั้งวินัยและอาญาถึงที่สุด ชี้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ทำร้าย ปชช.
วันนี้ (3 เม.ย.) นายวินัย นุรักรัมย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พระครู อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ พร้อมรองนายก อบต. พระครูได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้เอาผิดต่อ ด.ต.สมชิด (ขอสงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายวินัย นายก อบต.พระครู ได้กล่าวหาว่าดาบตำรวจคนดังกล่าวได้กระโดดเข้าชกต่อยที่บริเวณกกหูด้านขวา ขณะเป็นประธานมอบรางวัลให้แก่ทีมที่ชนะในงานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดประจำตำบล เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ (1 เม.ย.) ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนบ้านม่วง แบบไม่ทันตั้งตัวจนล้มคว่ำต่อหน้าผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ อบต. ผู้นำชุมชน และประชาชนกว่า 200 คน ที่มาร่วมงานต่างตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายก อบต.พระครู ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับดาบตำรวจนายดังกล่าว แต่เคยเจอหน้าและทักทายกันตามปกติ เพราะดาบตำรวจคนดังกล่าวมีบ้านอยู่ในตำบลพระครู จึงไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไรถึงได้มาชกต่อยตนต่อหน้าประชาชนที่มาร่วมงานจำนวนมาก แต่จากการที่สอบถามคนในงานบอกว่า ได้ยินดาบตำรวจไปพูดคุยในลักษณะที่ไม่พอใจว่าทาง อบต.ตั้งเงินรางวัลให้ทีมนักกีฬาน้อย โดยทีมชนะเลิศมีเงินรางวัล 3,000 บาท ตนมองว่าหากไม่พอใจเรื่องดังกล่าวจริงยิ่งไม่สมควรที่จะกระทำแบบนี้เพราะจุดประสงค์ของการจัดแข่งกีฬาเพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้หันมาออกกำลังกายห่างไกลยาเสพติด
ดังนั้นจึงได้มาแจ้งความให้เอาผิดทั้งทางวินัย และกฎหมายต่อดาบตำรวจที่ก่อเหตุ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น
ขณะที่นางรอง ปูดวงรัมย์ รองนายก อบต.พระครู ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ขณะที่นายก อบต.กำลังมอบรางวัลให้แก่ทีมที่ชนะการแข่งขันกีฬา เห็นดาบตำรวจวิ่งเข้ามากระโดดชกต่อยนายกจนหงายหลังล้มลง และยังทำท่าง้างแขนจะต่อยซ้ำอีก ตนซึ่งยืนอยู่ใกล้จึงได้เข้าไปดึงแขนตำรวจนายดังกล่าวออก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้มาร่วมงานอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่าตำรวจจะทำแบบนี้ และไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร เพียงได้ยินคนในงานพูดคุยกันว่าตำรวจนายนี้ไม่พอใจที่ทาง อบต.ตั้งเงินรางวัลน้อย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะตำรวจเป็นที่พึ่งประชาชน แต่กลับมาทำร้ายประชาชนเอง
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากกรณีที่นายก อบต.พระครู มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจนายหนึ่งไปทำร้ายร่างกายขณะเป็นประธานมอบรางวัลการแข่งขันกีฬานั้น กรณีนี้เป็นการกระทำความผิดทางอาญา ส่วนจะเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือไม่อย่างไรนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะทำเรื่องส่งตัวนายกไปให้แพทย์ทำการตรวจรักษาว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด
หลังจากนั้นจะได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้มารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน แต่หากผลตรวจจากแพทย์ลงความเห็นว่าผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายแก่กายก็อยู่ในอำนาจเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวนถือเป็นความผิดลหุโทษ แต่การจะเปรียบเทียบปรับได้นั้นต้องได้รับการยินยอมจากผู้เสียหายเช่นกัน แต่หากผู้เสียหายไม่ยินยอมก็ไม่สามารถเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดได้ ทางพนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนเสนอให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาลตามกระบวนการ
ส่วนเรื่องการลงโทษทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่รักษากฎหมาย ปกป้องประชาชน แต่กลับมากระทำผิดเสียเอง โดยการไปทำร้ายร่างกายนายก อบต.ต่อหน้าประชาชนนับร้อยถือว่าเป็นเหตุที่ไม่สมควร อาจเข้าข่ายเป็นการรังแกประชาชน ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาของข้าราชการตำรวจนายดังกล่าวว่าจะพิจารณาลงโทษอย่างไร