รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะนี้ในโซเชียลมีเดียมีการโพสต์ภาพถ่ายและเรื่องราวบรรยายความว่า “ทะเลไทย บรรลัยกันพอดี! แฟนเพจส่งรูปมาให้ช่วยพิจารณาหาทางออกด้วยความห่วงใย บอกว่าเป็นรูปการตรวจค้นของ จนท.ที่สนามบินเชียงใหม่ ที่มักจะเจอเป็นประจำ นั่นก็คือ “ปะการังทะเล” เอาไงล่ะทีนี้ ??? ” ซึ่งเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของท่าอากาศยานเชียงใหม่มีการตรวจพบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีความพยายามลักลอบนำปะการังทะเลหรือซากสัตว์น้ำที่เก็บมาระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศไทยออกนอกประเทศในช่วงเดินทางกลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบและยึดไว้ได้เป็นประจำ พร้อมแสดงความห่วงใย
ร้อยโท วศิน พลนาวี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นจริงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่มีหน้าที่ในการตรวจวัตถุอันตรายต่อผู้โดยสารและอากาศยาน ซึ่งในส่วนของปะการังนั้นปกติเมื่อตรวจพบแล้วจะต้องประสานและให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจตามกฎหมายมาตรวจสอบและดำเนินการ เพราะท่าอากาศยานเชียงใหม่ไม่มีอำนาจสามารถยึดไว้ได้ จำเป็นต้องแจ้งให้หน่วยงานดังกล่าวเข้ามาตรวจสอบ แต่หากประสานไปแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่มาก็ทำได้แค่เจรจากับนักท่องเที่ยวว่าสิ่งใดเอาไปได้หรือไม่ได้ หากนักท่องเที่ยวยินยอมก็จะยึดไว้ แต่หากไม่ยินยอมก็ไม่สามารถทำอะไรได้
สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ตรวจพบมีความพยายามจะนำปะการังหรือซากสัตว์น้ำออกนอกประเทศไปด้วยนั้น รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ระบุว่า ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มาจากต้นทางจากจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต แล้วมีเที่ยวบินที่จะเดินทางต่อไปต่างประเทศ ทั้งนี้เข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมื่อได้มาเห็นแล้วก็อยากจะนำกลับไปเป็นที่ระลึก ส่วนการป้องกันแก้ไขปัญหานั้น เห็นว่าควรมีการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวว่าไม่ว่าจะไปที่ใดไม่ควรทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนไทยควรจะช่วยกันแนะนำนักท่องเที่ยวด้วยเพื่อไม่ให้เกิดขบวนการค้าสิ่งที่ไม่ควรค้า
ด้านเรือเอก อภิชาต สมฤทธิ์ นักวิชาการประมงชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินำซากปะการังติดมากับกระเป๋าเดินทางในรูปแบบของที่ระลึก เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนและทำการตรวจยึดเอาไว้ ก่อนจะไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อสิ้นสุดการดำเนินคดีก็จะมอบให้สถานศึกษาต่างๆ ไว้ศึกษาต่อไป
โดยนักท่องเที่ยวที่นำมานั้นบางคนอาจไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย ก็ควรจะระมัดระวัง นอกจากปะการังแล้ว ที่ตรวจพบยังมีหอยสังข์แตร ที่เป็นสัตว์คุ้มครองเช่นกัน ซึ่งถ้ามีจำนวนมากก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลย
โดยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 ที่เชื่อมโยงกับอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือเรียกโดยย่อว่า ไซเตส ซึ่งจะต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทางเจ้าหน้าที่จึงอยากฝากเตือนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติว่าการเก็บเปลือกหอยหรือปะการังออกมาเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเก็บเองหรือซื้อมาในลักษณะเป็นของที่ระลึกก็ตาม ซึ่งการซื้อขายเป็นจำนวนมากก็จะทำให้เกิดการล่าและจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติอีกด้วย