มหาสารคาม - หัวอกแม่สุดช้ำ ลูกสาววัย 7 ขวบตับวายเสียชีวิต โพสต์เฟซบุ๊กเป็นอุทาหรณ์เรื่องการรักษาของแพทย์ วอนโรงพยาบาลเอาใจใส่ผู้ป่วยมากกว่านี้ เผยยังคาใจมากมายต่อการรักษาของแพทย์เพราะน้องถูกส่งตัวรักษาระหว่าง รพ.มหาสารคามกับ รพ.ขอนแก่นหลายรอบ
จากกรณีที่ น.ส.วิลาวรรณ ดอนหาเทา อายุ 25 ปี แม่ของ “น้องมิ้ลค์” หรือ ด.ญ.ชนกานต์ สุทธิประภา อายุ 7 ขวบ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยใช้ชื่อว่า “วิลาวรรณ ติ๊ก ดอนหาเทา” ข้อความว่า แชร์.......!!!!!!! ต่อๆ ไป อ่านไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ เมื่อหนึ่งชีวิตต้องมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะความสะเพร่า ฝากเรื่องนี้ถึงผู้ใหญ่ทุกๆ ท่านด้วย หนูอยากขอคำปรึกษาและขอความเป็นธรรมให้กับน้องหน่อยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า น้องที่เห็นอยู่ในภาพด้านล่างเป็นลูกสาวของหนูเองค่ะ อายุ 6 ขวบ เดิมน้องเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งก็เป็นที่รักของครอบครัวและญาติๆ ทุกๆ คน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 61 น้องมีไข้พร้อมกับอาการปวดท้อง หนูก็เลยพาน้องไปหาหมอที่ รพ.อำเภอใกล้บ้าน จากนั้นสองวันหมอได้ส่งฉุกเฉินน้องไปรักษาต่อที่ รพ.ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม
ตลอดระยะเวลาหมอได้ให้การรักษาด้วยการฉีดยาแก้ปวดเพื่อระงับอาการปวดและอาการดิ้นพร้อมกรีดร้องด้วยเสียงบ่นที่ว่า...หนูปวดท้องๆๆ ช่วยด้วยๆๆ เป็นเวลานานหลายวัน เบื้องต้นคุณหมอแจ้งกะทางญาติว่าน้องป่วยเป็น “ตับอักเสบ”
จากนั้นมาอาการก็เริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ตลอดระยะเวลาจึงได้คุยกับคุณหมอที่จังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่น้อง Admit ได้ 3 วัน เพื่อจะขอย้ายน้องไปรักษาที่ รพ. ขอนแก่น เพราะอาการน้องไม่ดีขึ้นเลย จึงให้ทาง รพ. ประสานเพื่อจะย้ายน้องไป แต่ทาง รพ.แจ้งว่าประสานไปแล้ว...แล้วเรื่องก็เงียบไปเหมือนเดิม ให้รักษาที่นี้ไปก่อน
จนกระทั่งถึงวันที่ 24 มี.ค. 61 ทาง รพ.ที่ จ.มหาสารคามได้ Refer น้องมาที่ขอนแก่นเพื่อจะทำการฉายแสง กระทั่งถึงระหว่างทางถึงมีการโทรประสานงานกันกับทางฉายแสง ขอนแก่น (....เหตุที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดคือ..ระหว่างนั่งอยู่ในรถพยาบาลหมอแจ้งกับหนูว่า ที่ฉายแสงที่ขอนแก่นเครื่องฉายแสงพัง!!!!! จึงต้องพาน้องกลับมาที่ รพ.ใน จ. มหาสารคามก่อน
วันที่ 25 มี.ค. 61 จึงได้ Refer น้องมาที่ ฉายแสง. ขอนแก่น อีกครั้งเพื่อทำการฉายแสง ฉายแสงเสร็จ อ้าว...!!!! ส่งน้องกลับที่ รพ.ใน จ.มหาสารคามอีกครั้งเฉยเลย ประมาณสองทุ่มน้องบ่นปวดท้องหนักมากพร้อมกับอาเจียนออกมาเป็นเลือดช่วงตี 5 เลือดไหลออกมาไม่หยุด พร้อมกับหมดสติไปในทันใด
หมอแจ้งว่าน้องเสียเลือดไปมากพร้อมกับผลเอกซเรย์สมองตอนนี้บวมหมดแล้วเนื่องจากมีเลือดคลั่ง
เช้าวันที่ 26 มี.ค. 61 น้องอยู่ในอาการที่เรียกว่า “โคม่า” ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ไปหมดทั้งสภาพร่างกายน้องไม่มีการรับรู้ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ หมอจึงได้ทำการใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจแล้วนำส่งฉุกเฉินมาที่ รพ.ขอนแก่น หลังจากนั้นมาสองวันแพทย์เจ้าของไข้เรียกญาติเข้าไปพบ พร้อมกับแจ้งว่า “ให้ทุกคนทำใจ” น้องป่วยด้วยโรค “ตับวาย” น้องมีโอกาสรอดแค่ 20% เท่านั้น
คือทุกคนช็อกกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งก่อนหน้าที่จะ Refer น้องมาโดยไม่มีการประสานกันนั้น ก่อนที่จะทำการฉายแสง ก่อนที่จะมีการเจาะเส้นเลือดแล้วทำเข็มหักจึงต้องได้ผ่าตัดเอาเข็มออก
หากย้อนไปหลังวันที่ 24 มี.ค. 61 น้องยังคุย ยังเล่น ยังสื่อสารได้เป็นปกติ พอเวลามันยืดยาวจากแค่ฉีดยาแก้ปวดมาจะเป็นเดือนแล้วเพิ่งคิดได้ว่าจะมาเริ่มรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้ เวลาแค่ 4 วันหลังจากทำมา ผลออกมาคือ ลูกหนูอยู่ได้เพราะแค่เครื่องออกซิเจนไปแล้วซะงั้น ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม.......ทำไมๆๆๆๆๆๆ ไม่ช่วยลูกหนู และไม่ดู ไม่มีความรอบคอบมากกว่านี้ ชีวิตทั้งชีวิต คนนะคะไม่ใช่ผักปลา ครอบครัวหนูไม่ได้มีเงินทองมากพอที่จะรักษาเอกชน
ไม่งั้นคงไม่ฝากชีวิตน้องไว้กับการทำงานแบบนี้ด้วยการฉีดยาแก้ปวดท้อง แก้ท้องอืด นานเป็นเดือนหรอกค่ะ คำถามที่หนูสงสัย..? อยากให้ผู้ใหญ่ผู้ที่มีความรู้ไขข้อเหตุการณ์นี้
1. ตั้งแต่วันแรกที่ว่าเป็นตับอักเสบและมีตับโตและตลอดเวลาที่ Admit อยู่ รพ. ใน จ.มหาสารคาม ขอย้ายน้องมาที่ รพ.ขอนแก่น เพราะความพร้อมในเรื่องเครื่องทางการแพทย์และมีแพทย์เฉพาะทางน่าจะพร้อมกว่า ทำไมบอกว่าประสานแล้ว ให้รอไปก่อน เตียงไม่ว่าง..!!
2. เข้าใจว่าคนไข้ที่อยู่ในภาวะที่ร่างกายอ่อนแรง “โคม่า” การเคลื่อนย้ายยิ่งจะทำให้อาการทรุดและแย่ลงไปมาก ทำไมไม่ย้ายในตอนที่ร่างกายยังมีปฏิกิริยาตอบสนองดีๆ จะอ้างแบบนั้นเพื่อ...??
3. แล้ววันที่มีการ Refer รอบแรกเพื่อจะทำการฉายแสงทำไมไม่มีการประสานกันล่วงหน้าก่อนเคลื่อนย้ายคนไข้
4. ในวันที่ 26 มี.ค. 61 คือเป็นสิ่งที่สงสัยมากๆ ทำไมวันที่น้องแทบจะสิ้นลมแล้วถึงย้ายได้ เตียงมันว่างตอนไหนถ้าคุณว่าประสานให้แล้ว หรือมันแค่ความบังเอิญมีคนย้ายออก ลูกหนูเลยได้ครองเตียงพอดี
5. แล้วการผ่าตัดที่ไม่ได้อยู่ใน Plan การรักษาหรือเกี่ยวกับ Symptom คนไข้เลย ขอบคุณนะคะ...!! เข้าใจว่าพยายามช่วย แต่ทำไมไม่มีความรอบคอบรึวางแผนการรักษาให้มันรัดกุม ทั้งๆ ที่คนไข้อ่อนแรงอาการอยู่ในภาวะโคม่าแล้ว ทำไมถึงพลาดทำเข็มหักในเส้นหลอดเลือดใหญ่
6. สุดท้ายถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณหมอรึของพี่ๆ พยาบาลเอง รึเป็นลูกเป็นคนในครอบครัวคุณเอง คุณจะรู้สึกยังไง กับเส้นทางการรักษาโรคแบบนี้
จากกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ล่าสุดวันนี้ ( 29 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 8 บ้านแห่เหนือ ต.หนองบอน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยที่บ้านหลังดังกล่าวมีการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ด.ญ.ชนกานต์ สุทธิประภา อายุ 7 ขวบ หรือน้องมิลค์ ซึ่งน้องเสียชีวิตด้วยโรคตับวาย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีคุณครูพาเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันมาเคารพศพ และเพื่อนของแม่น้องมิลค์มาร่วมงาน
นางสาววิลาวรรณ ดอนหาเทา แม่ของน้องมิลค์ เล่าว่า แพทย์วินิจฉัยว่าน้องมิลค์เสียชีวิตด้วยอาการตับวาย ซึ่งตนเองมีคำถามคาใจมากมายต่อการรักษาของแพทย์ ตามที่ได้โพสต์ไปบนเฟซบุ๊กซึ่งที่มาโพสต์ก็เพราะว่าอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้แพทย์ พยาบาล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องใส่ใจในการรักษาดูแลคนไข้ให้มากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านั้นลูกของตนก็เป็นเด็กปกติ ร่าเริงดี ไม่เคยมีอาการใดๆ บ่งบอกว่าเป็นโรคตับอักเสบ
ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าหมอก็คงรักษาไปตามขั้นตอน หมอก็ทำเต็มที่แล้ว แต่อาการของลูกก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ จนลูกมาเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งหัวอกของคนเป็นแม่คงไม่มีอะไรมาทำให้เสียใจได้มากเท่านี้อีกแล้ว โดยตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพิ่งจะเลิกกับสามีเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา และต้องทำงานเลี้ยงลูกคนเดียว หากชาติหน้ามีจริงก็อยากให้เกิดมาเป็นลูกของแม่อีก
โดยศพของ ด.ญ.ชนกานต์ สุทธิประภา หรือน้องมิลค์ จะทำการฌาปนกิจที่วัดบ้านแห่เหนือ ต.หนองบอน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ในวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายนนี้ เวลา 15.00 น.