ชัยภูมิ- สาวชัยภูมิวัย 18 ปีถูกกลุ่มพระเร่ร่อนอาศัยวัดร้างทักโดนคุณไสยมนต์ดำให้ดื่มน้ำมนต์กลับชักตาตั้งเสียชีวิต พ่อแม่เหยื่อสาวโร่แจ้งตำรวจรุดตรวจสอบกลุ่มพระเร่ร่อน 3 รูปพูดสำเนียงคนอีสานที่เดินทางมาขออาศัยวัดร้างในหมู่บ้านชั่วคราวแต่เผ่นหนีเกลี้ยง ด้านตำรวจเร่งตามล่าตัวแต่ยังไร้เงา
วันนี้ (29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขาน เชิดจอหอ อายุ 48 ปี และ นางดวงจิต คณาเขว้า อายุ 38 ปี สองสามีภรรยาที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 159/1 หมู่ที่ 1 ตำบลเก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ลูกสาววัย 18 ปี ที่เสียชีวิตหลังพากันเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.คม คุ้มโนนคร้อ รอง ผกก.สอบสวน สภ.แก้งคร้อ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีพระสงฆ์ต่างถิ่นที่พากันเดินทางมาอาศัยอยู่ในวัดร้างในหมู่บ้านท่าเว่อ หมู่ที่ 11 ต.เก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม และ เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวพาบุตรสาวไปทำธุระแถวบริเวณวัดท่าเว่อที่เป็นวัดร้างดังกล่าว ได้ไปพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งในจำนวน 3 รูปที่เดินทางมาด้วยกันซึ่งไม่ทราบชื่อและฉายามาก่อนเพราะเป็นพระต่างถิ่นที่เพิ่งมาอาศัยอยู่ในวัดร้าง จึงสอบถามไปทราบแต่เพียงว่าเป็นพระจากต่างจังหวัด มีสำเนียงพูดแบบคนอีสานแต่ไม่ใช่พระในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มาขออาศัยจำวัดชั่วคราวที่วัดร้างแห่งนี้เพื่อธุดงค์ไปต่อเท่านั้น
แต่จู่ๆ หนึ่งในพระทั้ง 3 รูปที่มาด้วยกันได้เดินเข้ามาทักว่าบุตรสาวของตนชื่อ นางสาวสุพัก เชิดจอหอ อายุ 18 ปี โดนไสยศาสตร์มนต์ดำมา หากต้องการให้หายต้องดื่มน้ำมนต์ 2 ถังน้ำ หรือเต็ม 2 บาตรพระ ซึ่งตนตกใจเนื่องจากพระสงฆ์ทักมาเช่นนั้น ตอนนั้นบุตรสาวของตนไม่ได้มีอาการอะไร เหมือนคนปกติดีทุกอย่าง แต่เมื่อพูดคุยกันกับกลุ่มพระสงฆ์ทั้ง 3 รูปที่มาด้วยกัน สักระยะหนึ่งตนเลยยอมให้ลูกเข้าทำพิธีที่กลุ่มพระเหล่านี้อ้างว่าทำแล้วจะพ้นมนต์ดำด้วยการให้ดื่มน้ำมนต์จากพระดังกล่าว จึงยอมให้บุตรสาวดื่มน้ำมนต์ในที่สุด
ทางด้านพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้กล่าวย้ำตลอดเวลาที่จะให้บุตรสาวดื่มน้ำมนต์จากบาตร ว่า ถ้าอยากหายต้องดื่มน้ำมนต์ที่อยู่ในบาตรพระให้หมดทั้ง 2 ใบ เมื่อพระสงฆ์ใช้แก้วตักน้ำมนต์มาให้บุตรสาวดื่มเพียงแค่แก้วแรกบุตรสาวก็อาเจียนออกมา แต่พระสงฆ์ยังบอกว่าต้องให้บุตรสาวดื่มต่อไปให้หมดทั้ง 2 บาตร และทุกแก้วที่ดื่มเข้าไปบุตรสาวอาเจียนออกมาทุกครั้ง ตนเห็นอาการบุตรสาวไม่ดีจึงบอกให้ลูกหยุดดื่ม จู่ๆ ลูกสาวตนก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอมือเท้าเกร็ง
จึงเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยนำตัวส่งอนามัยใกล้บ้าน แต่เนื่องจากลูกสาวของตนมีอาการหนักมากจึงถูกส่งตัวต่อไปยัง รพ.แก้งคร้อ แต่อาการยังไม่ดีขึ้นต้องถูกนำตัวส่งต่อมาที่ รพ.ชัยภูมิ และบุตรสาวสิ้นใจในเวลาต่อมา ซึ่งแพทย์ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอาการชักรุนแรงจนช็อก ทำให้สมองขาดออกซิเจนเสียชีวิตฉับพลัน
หลังจากนั้นจึงได้นำศพลูกสาวมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านในตำบลเก่าย่าดี และได้พยายามติดต่อไปทางกลุ่มพระสงฆ์รูปดังกล่าว และพระต่างถิ่นที่มาด้วยกันที่ทำน้ำมนต์ให้ลูกสาวดื่มครั้งนี้จนเสียชีวิต เพื่อจะสอบถามว่าในน้ำมนต์มีอะไรใส่ไปบ้าง ทำไมลูกสาวตนที่มีสุขภาพแข็งแรงอายุยังน้อยเพียง 18 ปี และไม่เคยมีโรคประจำตัวอะไรเลย แต่ทำไมดื่มน้ำมนต์ของพระดังกล่าวแล้วถึงชักจนช็อกตาตั้งเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
แต่หลังเกิดเหตุยังไม่สามารถติดต่อกลุ่มพระเร่ร่อนที่มาจากต่างถิ่นกลุ่มนี้ที่มาอาศัยในวัดร้างได้เลย และได้พยายามสอบถามคนในหมู่บ้านใกล้วัดร้างดังกล่าว ทราบเพียงว่าพระทั้งหมดได้หลบหนีไปหมดแล้ว ตนและญาติจึงได้พากันมาแจ้งความร้องทุกข์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้มีการทำพิธีฌาปนกิจศพบุตรสาวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการติดตามกลุ่มพระเร่ร่อนดังกล่าวยังไม่มีใครพบเจอแต่อย่างใด และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อพิธีกรรมดังกล่าวอีก ซึ่งรูปพรรณพระเร่ร่อนที่ทำพิธีให้ลูกสาวดื่มน้ำมนต์จนเสียชีวิตครั้งนี้มีจำนวน 3 รูป 1 ใน 3 เป็นพระสูงอายุ และอีก 2 รูปอยู่ในวัยกลางคน พูดสำเนียงชาวอีสานแต่ไม่ใช่คนพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จึงขอให้ประชาชนที่พบเห็นให้ระวังอย่าไปหลงเชื่อทำพิธีกรรมชวนดื่นน้ำมนต์แก้คุณไสยมนต์ดำ และขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ด้าน พ.ต.ท.คม คุ้มโนนคร้อ รอง ผกก.สภ.แก้งคร้อ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วิญญู พื้นหินลาด พนักงานสอบสวนประจำวัน และ พ.ต.ต.เจริญ สาระคำ สว.สืบสวน ได้เร่งจัดกำลังออกตรวจสอบที่เกิดเหตุในบริเวณวัดท่าเว่อในหมู่ที่ 11 ตำบลท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ตามที่ผู้เสียหายแจ้งแล้ว ซึ่งกลุ่มพระสงฆ์ดังกล่าวได้พากันหลบหนีออกจากวัดร้างไปหมดแล้ว โดยใส่กุญแจปิดวัดร้างไว้เช่นเดิม
สอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดร้างดังกล่าวเล่าว่า เมื่อช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาได้มีกลุ่มพระสงฆ์จำนวน 3 รูป และฆราวาสชายหญิงอีก 3 คน น่าจะเป็นคนต่างถิ่นได้พากันมาขอพักอาศัยที่วัดร้างดังกล่าวเพื่อขอจำวัดชั่วคราวก่อนเดินทางไปธุดงค์ต่อ จนมาก่อเหตุขึ้นในครั้งนี้