กาญจนบุรี - นิติกรศึกษาธิการเมืองกาญจน์ ขึ้นโรงพักท่าม่วง แจ้งความดำเนินคดีอาญา รร.เอกชน ชื่อดัง หลังพบหลักฐานนำเด็ก 24 ราย แก้ไข พ.ศ.เกิดเบิกงบรายหัว ส่วนคดีแพ่งรอแจ้งภายหลัง
ความคืบหน้ากรณี นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มอบหมายให้ นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ร่วมกับ นายอนันต์ กัลปะ ผอ.ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี และนายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ประชุมหารือแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีทีมีการนำเสนอข่าว พบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพฤติกรรมการทุจริต ด้วยการนำรายชื่อเด็กระดับชั้นอนุบาล-ชั้นประถม ทั้งที่ไม่มีตัวตน และแก้ไข พ.ศ.เกิดของเด็กยังไม่ถึงเกณฑ์เรียน มาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยการประชุมมีขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดเย็นวันนี้ (28 มี.ค.) นายอนันต์ กัลปะ ผอ.ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้นายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอังกูร จินจารักษ์ นักทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่นิติกรประจำสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อนำหลักฐานเอกสารเกี่ยวข้องกับการทุจริต เข้าพบ พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง ร.ต.อ.จุมพล เหลืองเอี่ยม รอง สว.(สอบสวน)สภ.ท่าม่วง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนเอกชนในคดีอาญาแล้ว ซึ่งขณะนี้ พ.ต.อ.สุชาย รวมทั้ง ร.ต.อ.จุมพล กำลังสอบถามข้อเท็จจริงกับคณะเจ้าหน้าที่ที่ไปแจ้งความ รวมทั้งร่วมกันตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆที่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนอย่างละเอียด
ทั้งนี้นายอนันต์ กัลปะ ผอ.สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรีเปิดเผยว่า ก่อนจะมอบหมายให้นิติกรเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับโรงเรียนเอกชนในวันนี้ โดยได้รายงานให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และนายรังสรรค์ อ้วนวิจิตร ศึกษาธิการภาค 4 ทราบแล้ว และผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสนใจกับคดีดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ให้ดำเนินการหาหลักฐานอย่างละเอียดและรอบคอบ อีกทั้งจะต้องให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทางโรงเรียนเอกชนด้วย
สำหรับหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีมูลการกระทำความผิดทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวเด็ก จำนวน 24 ราย ซึ่งเด็กทั้ง 24 รายนั้น เป็นเด็กที่ถูกเปลี่ยน พ.ศ.เกิด และกำลังจะได้รับเงินสนับสนุนรายหัวรวมกันเป็นเงินจำนวน 20,176.83 บาท แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น จึงได้สั่งการไปยังฝ่ายการเงินให้ชะลอออกไปก่อน
หลังจากนี้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา จะร่วมกันตรวจสอบย้อนลังว่าโรงเรียนดังกล่าวเคยดำเนินการเปลี่ยน พ.ศ.เกิดของเด็กมานานแล้วแค่ไหน ท้ายสุดแล้วก็จะถูกฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินที่รัฐเสียหายกลับคืนมาทั้งหมด โดยจะต้องจ่ายคืนแก่รัฐเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับ สช.ร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย
สำหรับผู้ที่จะถูกฟ้องดำเนินคดีอาญา ประกอบด้วยผู้จัดการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้ได้รับอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน รวม 3 คน และนอกจากนี้ หากมีหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี จะเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากุบทุกคนให้ถึงที่สุด