กาญจนบุรี - ศธจ.กาญจนบุรีตั้งคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนเอกชนทั้งจังหวัด หลังพบ 1 ใน 24 แห่ง ทุจริตปลอมแปลง พ.ศ.เกิดนักเรียน 24 คน เบิกเงินสนับสนุนรายหัวจากกระทรวง เผยโรงเรียนดังกล่าวจ่อโดนคดีแพ่งอีก 1 คดี
ความคืบหน้ากรณีนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ นายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอังกูร จินจารักษ์ นักทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่นิติกรประจำสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี นำหลักฐานเอกสารเกี่ยวข้องกับการทุจริตของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ทำการปลอมแปลงเอกสาร เปลี่ยน พ.ศ.เกิด ของเด็ก ที่มีอายุไม่เข้าเกณฑ์การเรียนในระดับอนุบาล ถึงชั้นประถม จำนวน 24 คน นำมาเบิกเงินสนับสนุนรายหัวจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นเงิน จำนวน 20,176.83 บาท เข้าพบ พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง ร.ต.อ.จุมพล เหลืองเอี่ยม รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าม่วง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนเอกชนในคดีอาญาต่อผู้จัดการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (29 มี.ค.) นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีกับโรงเรียนเอกชนที่เป็นเป้าหมายที่เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องมา โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เราได้นำหลักฐานต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้ทั้งหมด ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.ท่าม่วง โดยทาง พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง รวมทั้งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง ก็ได้รับแจ้งความเอาไว้แล้ว
และหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ของเราไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อจะได้รู้ว่ามีประเด็นไหนบ้างที่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งก็ต้องรอการเรียกต่อไป ส่วนเรื่องรายชื่อของโรงเรียนที่จะเปิดเผยนั้น ตามมารยาทแล้ว จะต้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นผู้เปิดเผย ดังนั้นตนเองในฐานะศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของโรงเรียนดังกล่าวได้ ซึ่งเมื่อสักครู่นี้ก็ได้โทรศัพท์นำเรียนไปยังนายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการ ศช.ทราบแล้ว ซึ่งท่านก็จะนำเรียนไปยังเลขาธิการ สช.ทราบต่อไปตามลำดับ
ในส่วนรายละเอียดของเรื่องคดีอาญา จากนี้ไปก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ที่จะต้องดำเนินการต่อไป ในการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องให้มาสอบปากคำต่างๆ รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะดำเนินคดีนี้อย่างไร ส่วนอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือการดำเนินคดีทางแพ่ง การดำเนินคดีทางแพ่งนั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็จะต้องสรุปรายละเอียดว่า เริ่มมีการทุจริตตั้งแต่เมื่อไหร่ และเมื่อทราบเวลาและจำนวนเงินที่ถูกทุจริตไปอย่างครบถ้วนแล้ว จึงจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีทางแพ่งในภายหลัง
โดยสมมติว่า โรงเรียนดังกล่าวมีการทุจริตเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท เราจะต้องฟ้องแพ่งเรียกร้องเงินคืนเป็น 2 เท่า คือ จำนวน 200,000 บาท และนอกจากนี้ทางโรงเรียนเอกชนที่ทำการทุจริต จะต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย โดยหลังจากตรวจสอบมูลค่าที่รัฐเสียหายแล้ว จะได้ไปปรึกษากับอัยการจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อดำเนินการทางแพ่ง
และในขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 ซึ่งคณะทำงานชุดนี้ จะได้ทำการตรวจสอบในเชิงลึกกับโรงเรียนเอกชนที่มีอยู่อีก 23 แห่งทั่วจังหวัดกาญจนบุรี และขณะนี้คณะทำงานชุดดังกล่าวได้เริ่มลงพื้นที่ทำงานแล้ว แต่ก็คงพบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้างเนื่องจากช่วงนี้โรงเรียนอยู่ระหว่างปิดเทอม แต่จะเริ่มต้นด้วยการประสานไปยัง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือที่ว่าการอำเภอต่างๆ ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามปกติ เพื่อหาข้อมูลพื้นฐานทางทะเบียนราษฎร์ ของเด็กที่เรียนอยู่แต่ละโรงเรียนต่อไป