ศูนย์ข่าวศรีราชา - หวั่นไร้ที่ทำกิน ชาวบ้านแสมสารกว่า 50 ราย รวมตัวหน้า สนง.ที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หวังให้พิจารณษอุทธรณ์จำหน่ายใบ ส.ค.1 หลังกองทัพเรือเข้าจัดระเบียบที่ดินแสมสาร ตามนโยบายแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินภาครัฐของ คสช.
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายบรรเจิด จันทร์เทศ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้นำชาวบ้านในชุมชนแสมสาร จำนวน 53 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือขออุทธรณ์คำสั่งจำหน่าย ส.ค.1 ต่อ นายไพโรจน์ บัวน่วม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เพื่อให้นำเสนอต่อไปยัง นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้พิจารณาเรื่องคำขออุทธรณ์ดังกล่าว ซึ่งการรวมตัวเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ ดูแลอำนวยความสะดวกให้การยื่นหนังสือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายบรรเจิด กล่าวว่า ตนเอง และชาวบ้านในฐานะประชาชนที่อาศัยอยู่ใน ต.แสมสาร ที่ถูกคำสั่งจำหน่ายใบครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ต่างก็ได้รับผลกระทบในเรื่องที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินเช่นเดียวกันหมด ทั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านได้อาศัย และทำกินอยู่บนที่ดินผืนนี้มานาน ก่อนที่กองทัพเรือจะมีการเข้ามาจัดระเบียบที่ดินแสมสารตามนโยบายแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินภาครัฐของ คสช. พร้อมมีการประกาศให้ประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ไปขอเช่าที่ดินต่อกรมธนารักษ์
“ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวั่นว่าจะเสียสิทธิในการครอบครองที่ดินทำกิน จึงรวมตัวกันยื่นหนังสืออุทธรณ์ตามสิทธิอำนาจทางกฎหมาย และพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการทางกฎหมายด้วย” นายบรรเจิด กล่าว
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ชาวบ้านทราบว่า สำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี สาขาสัตหีบ ทำได้เพียงรับเรื่องเพื่อเสนอต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านพากันหวั่นว่าเรื่องที่ร้องขอจะผ่านขั้นตอนการดำเนินงานที่ล่าช้า จึงเตรียมที่จะนัดหมายกันเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี อีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
สำหรับที่ดินใน ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่เขตทรงสงวนตามพระบรมราชโองการใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีกองทัพเรือ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึก และคลังเชื้อเพลิงของหน่วยงานทางทหาร รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ฝึกที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความมั่นคงทางทะเล และภาพลักษณ์ของกองกำลังรักษาประเทศ ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร และการก่อสร้างสิ่งใดต้องได้รับอนุญาตกองทัพเรือเท่านั้น
แต่ก็ยังพบว่ามีนักลงทุนเข้ามาบุกรุกที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจ และหาผลประโยชน์อย่างผิดกฎหมาย กองทัพเรือจึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายด้วยการแจ้งความเอาผิดนายทุนแล้วหลายราย จึงทำให้ผู้เสียผลประโยชน์ต่างพากันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครองที่ดิน และในส่วนของเอกสารใบแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือที่เรียกว่า ส.ค.1 ไม่ถือเป็นเอกสารที่ราชการออกให้
แต่เป็นแค่เอกสารที่ประชาชนทั่วไปมาแจ้งต่อรัฐว่า ได้ครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่บ้าง จึงเสมือนเป็นการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานลอยๆ เท่านั้น ซึ่งรัฐไม่ได้รับรองว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มาแจ้ง ซึ่งประชาชนผู้ครอบครองจะมาแจ้งต่อนายอำเภอไว้ ตามมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้น