เชียงราย - รองนายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมและติดตามผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าฯ 8 จังหวัดภาคเหนือ กระตุ้นให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วขึ้น ตั้งเป้าไตรมาส 2 ต้องเบิกเกินครึ่ง ส่วนการแก้ไขปัญหาต้องให้จบภายในจังหวัด
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลาง จ.เชียงราย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และ 2 เขตตรวจราชการที่ 15 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง) และเขตตรวจราชการที่ 16 (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการตามจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมครบครัน
โดยที่ประชุมให้แต่ละจังหวัดได้รายงานความคืบหน้าโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น โครงการไทยนิยมยั่งยืน ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สถานการณ์หมอกควัน การแก้ไขปัญหาความยากจน โครงการที่ต่อเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ปัญหาอุปสรรคสำคัญเฉพาะพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ฯลฯ
สำหรับ จ.เชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย รายงานว่าจังหวัดมีงบประมาณโครงการงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 21 โครงการ งบประมาณรวมทั้งสิ้น 27,981,100 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 20 โครงการ เบิกจ่ายแล้วจำนวน 18,863,400 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ 1 โครงการงบประมาณ 2,595,000 บาท และมีเงินเหลือจ่ายทั้งสิ้น 6,702,000 บาท
ด้านปัญหาหมอกควันของ จ.เชียงราย ได้มีการจัดระบบสั่งการ หรือซิงเกิล คอมมานด์ ในแต่ละอำเภอโดยให้นายอำเภอเป็นผู้บัญชาการโดยระดมทุกหน่วยงานเข้าร่วมซึ่งได้ทำให้จุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมามีเพียง 3 จุดและควบคุมได้และมาตรการห้ามเผาจะดำเนินถึงวันที่ 12 เม.ย.ต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนพบว่าในปี 2560 มีครัวเรือนยากจนที่ตกเกณฑ์ผู้ได้รับความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) จำนวน 275,559 ครัวเรือน
และจำนวนนี้มีผู้มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 38,000 บาทต่อคนต่อปี จำนวน 4,343 ครัวเรือน ซึ่งสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.เชียงราย ได้ลงไปจำแนกเป็นกลุ่มที่พัฒนาได้และกลุ่มที่ต้องสงเคราะห์เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาแล้ว ทั้งด้านการส่งเสริมอาชีพ จัดตลาดประชารัฐ ฯลฯ
นอกจากนี้ นายวิษณุได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือให้เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินเพราะเป็นห่วงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณช้า โดยตั้งเป้าเอาไว้ในช่วงไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 52% ของงบประมาณทั้งหมด และชมเชยแต่ละจังหวัดเรื่องการแก้ปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำโดยมีการเตรียมแผนไว้ล่วงหน้าเพราะต้องพยายามแก้ปัญหาให้ได้ภายในจังหวัด รวมทั้งเน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดเร่งแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ส่งเสริมให้เกิดความปรองดองโดยไม่เกิดความแตกแยกในพื้นที่ เพราะต่อไปจะเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้งในทุกระดับหลังจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดให้พรรคการเมืองใหม่ไปจองรายชื่อพรรคและเตรียมการบางอย่างได้ กระนั้นยังจัดประชุมพรรคไม่ได้ แต่หลังจากวันที่ 1 เม.ย.ไปแล้วทางพรรคการเมืองเก่าก็จะได้รับโอกาสให้ทำกิจกรรม
รองนายกรัฐมนตรีแจ้งอีกว่า คาดว่าจะประกาศให้มีการเลือกตั้งและจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 ได้ต่อไป ส่วนการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก 6 ฉบับ ซึ่งกฤษฎีกาต้องแก้กฎหมายคาดจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.นี้ จากนั้นนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. แล้วส่งต่อให้รัฐสภาพิจารณาต่อไปทำให้ในเดือน พ.ย.นี้อาจจะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นบางประเภทก่อน