กาฬสินธุ์ - ประธานสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9 ปฏิเสธข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมไม่เจรจาไกล่เกลี่ย ด้านชาวบ้าน 88 รายยันถูกสถาบันการเงินฯ หลอกให้กู้เงินจริง ยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ทั้งมีเหยื่อเข้าแจ้งความเพิ่มอีก 76 คน
จากกรณีชาวบ้าน 4 ตำบลใน อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ กว่า 300 คน อ้างว่าถูกสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9 หลอกให้กู้เงินจากธนาคารออมสินคนละ 2 แสนบาท รวมมูลค่า 65 ล้านบาท จากนั้นได้รับใบแจ้งหนี้และหมายศาล กระทั่งเกิดกระแสต่อต้านไม่ยอมรับภาระหนี้ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ฝ่ายกฎหมายและงานทะเบียน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเข้าไกล่เกลี่ยและตรวจสอบ มีการแจ้งความกล่าวโทษนายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในฐานะประธานสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ 9 และนายบุญมา แก้วคำหาญ กรรมการเงินกู้สถาบันฯ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค. 61) ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ย และแจ้งสิทธิแก่ผู้ถูกกล่าวหา ระหว่างนายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ประธานสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9, นายบุญมา แก้วคำหาญ กรรมการเงินกู้สถาบันฯ และชาวบ้าน 88 คน โดยนายไกรสวัสดิ์ และนายบุญมา ได้เดินทางมาพร้อมนายสมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความ หลังถูกชาวบ้านร่วมกันแจ้งความร้องทุกข์และพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ทั้งนี้ นายไกรสวัสดิ์ และนายบุญมา ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและไม่ร่วมการเจรจาไกล่เกลี่ย โดยอ้างว่าไม่ได้หลอกลวงแต่เป็นความสมัครใจ จึงทำให้ชาวบ้านที่เดินทางมานั่งรอเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยต่างพากันผิดหวัง และยืนยันว่าถูกสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9 หลอกให้กู้เงินและจะร่วมกันสู้ถึงที่สุด
นายอนอง เหล่านุกูล อายุ 70 ปี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ศาลได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างผู้เสียหายที่เป็นชาวบ้านจำนวน 88 ราย กับผู้ถูกกล่าวหา 2 คน แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมไกล่เกลี่ย และไม่ประสงค์พูดคุยกับชาวบ้าน โดยให้การปฏิเสธ และระบุว่าชาวบ้านสมัครใจเอาเงินไปลงทุนกับสถาบันการเงินเอง เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากเป็นการหลอกให้ชาวบ้านไปเซ็นสัญญากู้เงินกับธนาคารออมสินรายละ 2 แสนบาท โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง
ทางสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9 แจ้งว่าให้ไปเซ็นชื่อช่วยกู้เงินกับธนาคารเพื่อช่วยสถาบันฯ เป็นการกู้ในนามสถาบันฯ อีกทั้งวันที่อนุมัติเงินและเบิกก็เป็นทางสถาบันฯ เป็นผู้เบิกเงิน และแจ้งให้ชาวบ้านไปเอาสมุดเงินฝาก พร้อมให้ค่าตอบแทนรายละ 5,000-10,000 บาท ซึ่งเป็นการหลอก จนกระทั่งถูกธนาคารออมสินฟ้องร้องชาวบ้านไปแล้วจำนวน 144 ราย ศาลตัดสินให้ชำระหนี้ 27 ราย และยังมีชาวบ้านที่อยู่ระหว่างเจรจาวันนี้และสู้คดี 88 ราย
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโทว่าถูกสถาบันการเงินชุมชนท่าคันโท หมู่ที่ 9 หลอกให้กู้เงินในลักษณะเดียวกันอีก 76 ราย ซึ่งทุกคนยืนยันว่าถูกหลอกและยืนยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ด้านนายสมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความของนายไกรสวัสดิ์ กล่าวว่า การนัดเจรจาไกล่เกลี่ยวันนี้ระหว่างนายไกรสวัสดิ์-นายบุญมา และชาวบ้าน 88 คน ซึ่งลูกความทั้งสองคนของตนเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้นปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด วันนี้ก็ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา จึงไม่ยอมรับและไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ยเจรจา เพราะไม่ได้หลอกหลวง ไม่ได้โกหก ไม่ได้โฆษณา แต่เป็นการสมัครใจของชาวบ้านเองที่กู้เงินสมัครใจมาลงทุนกับสถาบันฯ
ทางสถาบันฯ ปล่อยเงินกู้ แต่ผู้กู้กลับไม่ยอมมาชำระหนี้จึงขาดสภาพคล่อง ขณะนี้กำลังดำเนินการฟ้องร้องกันอยู่ เบื้องต้นนายไกรสวัสดิ์ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 6 ล้านบาทประกันตัวแล้ว ส่วนนายบุญมาอยู่ระหว่างหาหลักทรัพย์มาประกันตัวเช่นกัน เพื่อจะต่อสู้ยืนยันในความบริสุทธิ์ของทั้งสองคน
