บุรีรัมย์ - กลุ่มแม่บ้าน-เกษตรกร 5 อำเภอ บุรีรัมย์ 222 คน ที่ตกเป็นจำเลยคดีปุ๋ย อบจ. ถูกบริษัทขายปุ๋ยฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ต่างดีใจหลังศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ชี้จำเลยไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรง ชาวบ้านเผยต้องตกเป็นแพะทนทุกข์มานานกว่า 2 ปี
วันนี้ (13 มี.ค.) กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรจาก 5 อำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย อ.โนนสุวรรณ ปะคำ นางรอง หนองกี่ และ อ.หนองหงส์ จำนวน 222 คน ที่ถูกบริษัทจำหน่ายปุ๋ย (ห้างหุ้นส่วนจำกัดดีสิงห์ทวีโชค) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องให้ชดใช้ค่าปุ๋ยที่มีการจัดซื้อในโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ ปี 2558 รวมเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนางรอง อำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้นัดฝ่ายโจทก์และจำเลยมาฟังคำพิพากษา
หลังจากศาลได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 12 ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 222 คนไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรง เพราะที่ผ่านมาจำเลยไม่เคยมีการเจรจาซื้อขายปุ๋ยกับโจทก์ และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทย์กับจำเลย ส่วนที่มีลายมือชื่อของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเป็นการเซ็นตามที่หน่วยงานราชการระบุให้เซ็นเพื่อแนบเรื่องเสนอขอรับเงินอุดหนุนในโครงการดังกล่าวเท่านั้น ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 222 คน สร้างความดีใจให้แก่แม่บ้าน เกษตรกรที่มารอฟังคำตัดสินของศาลเป็นอย่างมาก จากที่ก่อนหน้านี้ต้องทนทุกข์ต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมมาเป็นเวลานาน 2 ปี อย่างไรก็ตาม โจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
นางหนูแดง ทองใบ ตัวแทนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อ.โนนสุวรรณ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลตัดสินยกฟ้อง จากก่อนหน้านี้ต้องเป็นแพะทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 2 ปี ทั้งที่ยืนยันมาตลอดว่าทุกขั้นตอนหน่วยงานรัฐเป็นผู้ดำเนินการเอง เพียงให้ชาวบ้านเซ็นรับปุ๋ยเพื่อแนบเรื่องเสนอขอเงินอุดหนุนในโครงการเท่านั้น แต่สุดท้ายกลับถูกฟ้องร้องและถูกปล่อยลอยแพโดยไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิต กระทั่งชาวบ้านไปร้องต่อกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอให้มาช่วยเหลือ กระทั่งศาลท่านเมตตาพิจารณาตัดสินยกฟ้องก็รู้สึกดีใจ และขอบคุณหลายๆ หน่วยงานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่ายังมีอยู่จริง
สำหรับโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2558 ที่ผ่านมาได้รับแจกจ่ายปุ๋ยอินทรีย์ฟรีมาตลอดระยะเวลา 3 ปีไม่เคยเกิดปัญหา แต่ปีสุดท้ายโครงการถูกสั่งระงับไม่มีการอนุมัติงบอุดหนุนจาก อบจ.เพื่อมาจ่ายเงินค่าปุ๋ยในโครงการ ทำให้ชาวบ้าน เกษตรกรที่ถูกหลอกเซ็นสัญญารับปุ๋ยไปใช้แล้ว ต้องตกเป็นแพะถูกบริษัทขายปุ๋ยฟ้องในข้อหา “ผิดสัญญาซื้อขาย” โดยคดีดังกล่าวได้มีการยื่นฟ้องมาตั้งแต่ปี 2559 ศาลจังหวัดนางรองได้มีการเรียกทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยกันหลายครั้งแต่ไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากทางบริษัทยังยืนยันจะเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท แต่ชาวบ้านไม่มีเงินที่จะจ่ายให้ทั้งมองว่าชาวบ้านตกเป็นแพะในคดีดังกล่าว เพราะไว้เนื้อเชื่อใจหน่วยงานรัฐและเห็นว่าเป็นโครงการปุ๋ยฟรีจึงเซ็นรับปุ๋ย แต่พอเกิดปัญหากลับไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยปล่อยชาวบ้านลอยแพจนต้องเดินเรื่องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมกันเอง และต่อมาได้ยื่นร้องให้กระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอเข้ามาช่วยเหลือดังกล่าว