กาฬสินธุ์ - พนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ แจ้งข้อหานายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ และนายบุญมา แก้วคำหาญ ประธานและกรรมการสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ทนายความผู้ต้องหายืนยันไม่มีการฉ้อโกง แต่ชาวบ้านได้นำเงินเข้ามาร่วมลงทุนกับสถาบันการเงินเพื่อปล่อยเงินกู้เท่านั้น พร้อมนำเอกสารหลักฐานแสดงในชั้นศาล
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าคันโท ว่าถูกนายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ และ นายบุญมา แก้วคำหาญ ประธานและกรรมการสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 ตำบลท่าคันโท หลอกลวงให้กู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท คนละ 200,000 บาท ปรากฏมีผู้เสียหายจำนวน 265 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหา
ล่าสุด วันนี้ (10 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรท่าคันโท นายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ ประธานสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท และ นายบุญมา แก้วคำหาญ เป็นกรรมการสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 พร้อมด้วยนายสมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.จิรพงษ์ เอกวรพงศ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าคันโท ผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา นายไกรสวัสดิ์ และนายบุญมา แก้วคำหาญ เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปพิมพ์รายนิ้วมือ จากนั้นได้ทำการสอบสวนต่อหน้าทนายความ
นายสมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้จากคำชี้แจงของผู้ต้องหาได้ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่มีการกู้เงินผ่านธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโทนั้น ผู้กู้ได้เข้าไปกู้เงินกับทางธนาคารเอง โดยมีความประสงค์ที่จะนำเงินที่กู้ได้จำนวนรวม 200,000 บาท มาร่วมลงทุน ด้วยการกู้ผ่านสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 ที่ได้ทำการตกลงกับชาวบ้านโดยแยกให้เงินคืนคนละ 10,000 บาท แล้วเงินจำนวน 190,000 บาท ไปปล่อยกู้ โดยอ้างว่า วงเงินที่นำมาลงทุนมีจำนวนทั้งสิ้นประมาน 50 ล้านบาท ที่ได้ปล่อยให้ประชาชนในตำบลท่าคันโท และเกือบทั้ง อำเภอที่ได้เป็นสมาชิกเข้ามากู้ยืมเงินไป
การปล่อยกู้เงินนั้นเป็นลักษณะการทยอย โดยเริ่มในช่วงปี 2557 เป็นต้นมา การกู้เงินในระบบสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 จะให้กู้เป็นรายกลุ่ม กลุ่มละ 3 คนตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ที่จะมีสัญญาค้ำประกันภายใน แต่ภายหลังในช่วงปี 2559 ผู้กู้เริ่มไม่นำเงินมาชำระ โดยอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน สถาบันการเงินชุมชน หมู่ 9 จึงไม่สามารถส่งเงินต้นคืนให้กับทางธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านได้เข้ามาร้องเรียน
“สิ่งที่ทราบก็มีเบื้องต้นเท่านี้ ยืนยันว่านายไกรสวัสดิ์ แก้วคำหาญ และนายบุญมา แก้วคำหาญ ไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน แต่เป็นการรวมลงทุนกันเท่านั้น ซึ่งก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเชื่อมั่นในหลักฐานที่จะนำไปแสดงต่อศาลในการต่อสู้คดีต่อไป” นายสมชาติกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ได้รับความสนใจอย่างมาก ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ตั้งให้ พ.ต.อ.โสภณ วารี รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ คุมทีมงานสอบสวน ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุธร สีหามาตย์, พ.ต.อ.อำพร สายมณี ,พ.ต.อ.สมชาย ภูกองชนะ ที่จะเข้าทำงานร่วมกับ พ.ต.อ.ณัฏฐพนธ์ พยอมใหม่ ผกก.สภ.ท่าคันโท พ.ต.ท.จิรพงษ์ เอกวรพงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ท่าคันโท และทีมสอบสวนรวม 5 นาย
โดยคดีนี้ พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิ์เดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เข้ามาติดตามคดี เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถาบันการเงินชุมชนบ้านท่าคันโท หมู่ที่ 9 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทางการเงินนั้นคือ ธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท ซึ่งก็จะต้องเรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง ส่วนจะอย่างไรนั้นก็จะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในการสอบสวนผู้เสียหาย ซึ่งในขณะนี้มีผู้เข้ามาแจ้งความไว้แล้วจำนวน 95 ราย สอบปากคำไปแล้ว 88 รายที่ส่วนใหญ่ให้ปากคำที่ตรงกันโดยกล่าวหาผู้ต้องหาว่าได้เข้ามาชักชวนไปลงทุน”
“ในการสอบสวนคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ ดังนั้นในระยะนี้หากประชาชนที่เชื่อว่าเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ก็สามารถเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ได้กับพนักงานสอบสวน” พล.ต.ต.มนตรีระบุ
สำหรับคดีนี้เกิดได้รับการเปิดเผยในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยชาวบ้านอำเภอท่าคันโท ได้รวมตัวเข้าไปร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาการหลอกลวงกู้เงิน พร้อมกับได้เข้าไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโท ในขณะนี้การดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนหลายฝ่ายก็ยังเตรียมที่จะเข้ารับทราบข้อมูลโดยเฉพาะ ธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท ที่เป็นต้นทางในการปล่อยกู้เงินในครั้งนี้