xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ต้องเผา-ไม่ต้องค้ายา ม.ราชภัฏเชียงรายหนุนคนชายแดนปลูก “เก๊กฮวย” แทนข้าวโพด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ม.ราชภัฏเชียงรายวิจัยแล้วได้ผล หนุนชุมชนชายแดนปลูก “เก๊กฮวย” แทนข้าวโพด ยืนยันไม่ต้องเผา-ไม่ต้องพึ่งสารเคมี กำไรดีกว่าเกือบสิบเท่า แถมลดความเสี่ยงการเข้าสู่วงจรค้ายาเสพติดได้

ขณะนี้สถาบันพัฒนาเศรษฐกิจ พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร.) ร่วมกับโครงการหลวงดอยสะโง๊ะ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านตามพื้นที่ชายแดน เช่น บ้านหัวแม่คำ ต.แม่สลองใน, บ้านม้งเก้าหลัง ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง ฯลฯ ปลูกพืชเศรษฐกิจ “ดอกเก๊กฮวย” แทนการปลูกข้าวโพด

ผศ.ดร.สุทธิพร ธเนศสกุลวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจ พลังงานและสิ่งแวดล้อม มร.ชร.เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการเชิงวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม หลังจากพบว่าตามพื้นที่ภูเขาสูงโดยเฉพาะชายแดนมีทั้งปัญหาการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือข้าวโพดเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เกิดการบุกรุกเผาป่าในฤดูแล้งจนสร้างปัญหามลภาวะตามมา ขณะเดียวกัน ด้วยรายได้ที่น้อยทำให้เสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

จากศึกษาพบว่าพืชเก๊กฮวยเหมาะสมในการนำมาทดแทนข้าวโพดได้ โดยทำให้มีรายได้ดีกว่า ใช้พื้นที่น้อยกว่า และไม่ต้องเผาในฤดูแล้ง แต่ใช้การฝังกลบแทนทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


ดังนั้นจึงได้นำพันธุ์ดอกเก๊กฮวยที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์แล้วจากโครงการหลวงดอยสะโง๊ะมาขยายพันธุ์ด้วยการเพาะพันธุ์ ก่อนนำขึ้นไปส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูก โดยถ่ายทอดทั้งแนวคิด เทคโนโลยี และใช้วิทยาศาสตร์ในการเข้าไปส่งเสริมด้วยการ่วมกับผู้นำชุมชนก่อน กระทั่งขณะนี้มีชาวบ้านเข้าร่วมแล้วจำนวน 60 กว่าราย ผลผลิตที่ได้นำมาจำหน่ายได้ในราคาดี และทาง มร.ชร.รับส่วนหนึ่งมาทำบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เก็บไว้ได้นาน 1 ปีด้วย


ผศ.ดร.สุทธิพรกล่าวว่า ข้าวโพด และเก๊กฮวยต่างเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุสั้นประมาณ 4-6 เดือนเหมือนกัน แต่ข้าวโพดมีลำต้นใหญ่ เมื่อพ้นฤดูกาลแล้วต้องฟันหรือเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกใหม่ และยังต้องใส่ปุ๋ยหรือสารเคมีตามที่ผู้รับซื้อกำหนดด้วย ประกอบกับรายได้ต่อไร่ของข้าวโพดเฉลี่ยไร่ละประมาณ 5,000-7,000 บาทต่อไร่ หรือกำไรสุทธิหักแล้วเหลือเพียง 1,500 บาทต่อไร่

แต่กรณีของเก๊กฮวย ไม่ต้องใช้สารเคมี เพราะเป็นพืชที่ต้านทานแมลงศัตรูพืช และโครงการฯ ก็เน้นพืชอินทรีย์อยู่แล้ว ส่วนรายได้ก็สามารถทำได้สูงถึงไร่ละกว่า 10,000 บาท ตลาดก็มีแนวโน้มดี โดยปัจจุบันจำหน่ายได้บนดอยแม่สลอง และมีผู้ขึ้นไปรับซื้อถึงที่อย่างต่อเนื่อง

“เมื่อพ้นฤดูกาลไปแล้วก็ไม่ต้องเผาทิ้ง เพราะเก๊กฮวยต้นเล็กเตี้ยกว่า เพียงแค่ไถกลบก็สามารถเป็นแปลงปลูกได้เลย รวมทั้งยังเป็นพืชคลุมดินชั้นดี ที่สำคัญคือช่วยแก้ไขปัญหาการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่ยังคงมีปัญหานี้อยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้ทางสถาบันฯ กำลังขยายการส่งเสริมไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่สนใจ อาทิ ดอยอินทรีย์ อ.เมืองเชียงราย”


กำลังโหลดความคิดเห็น