ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หมอนักอนุรักษ์ที่เชียงใหม่เปิดอาคารในที่ดินส่วนตัวให้ผู้สนใจสร้างสรรค์งานศิลปะ “เสือดำ” บนผนังกำแพงตามใจชอบ เพื่อระบายความอัดอั้นหลังผ่านมากว่าเดือนแต่คดี “เปรมชัย” และพวกยิงเสือดำป่าทุ่งใหญ่นเรศวรยังไม่มีความคืบหน้าและส่อเค้าบิดเบี้ยว โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนเข้าไปได้ทุกเวลา ช่วยกันย้ำเตือนว่าสังคมยังจับจ้องคดีนี้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง
จากกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ที่เข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยังคงได้รับการจับตามองอย่างต่อเนื่องจากสังคม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีตามกฎหมายที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตและมีความเป็นห่วงว่าผู้ต้องหาอาจจะรอดพ้นการถูกลงโทษ ทำให้มีผู้คนเคลื่อนไหวและแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนักอนุรักษ์ชื่อดังอย่างนายแพทย์ รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ “หมอหม่อง” อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา ได้เปิดพื้นที่ฝาผนังและกำแพงอาคารที่ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนตัวย่านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ผู้ที่สนใจและต้องการจะแสดงออกหรือระบายความอัดอั้นเกี่ยวกับกรณีคดียิงเสือดำ สามารถเข้าไปใช้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อย่างอิสระตามความถนัดและความชอบใจ พร้อมทั้งเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ไว้ให้จำนวนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 61 ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศเชิญชวนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ นายแพทย์ รังสฤษฎ์เปิดเผยว่า การเปิดพื้นที่ในที่ส่วนตัวให้คนที่สนใจเข้ามาร่วมแสดงออกผ่านผลงานศิลปะตามความชอบและความถนัดเกี่ยวกับกรณีที่เสือดำถูกยิงตายนั้น สืบเนื่องมาจากเห็นว่าหลายคนมีความอึดอัดใจและมีความเป็นห่วงกังวลอย่างมากที่การดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่มีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น และกังวลว่าผู้ต้องหาอาจจะลอยนวลหรือไม่ ทำให้อยากจะแสดงออกหรือทำอะไรสักอย่าง
ที่ผ่านมาพบว่าหลายคนมีการแสดงออกด้วยการวาดภาพหรือสร้างสรรค์งานศิลปะตามสถานที่ต่างๆ แต่ปรากฏว่าก็ถูกลบทิ้ง ซึ่งโดยส่วนตัวอยากแสดงออกด้วยวิธีนี้เช่นกัน ประกอบกับมีความพร้อมด้านสถานที่ จึงถือโอกาสนี้เปิดพื้นที่ให้คนที่สนใจในประเด็นเดียวกันนี้สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้เพื่อแสดงออกผ่านผลงานศิลปะบนฝาผนังหรือกำแพง ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้เห็นและเป็นการย้ำเตือนผู้คนในสังคมด้วยว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดและถูกจับตามองอยู่เสมอ
นอกจากนี้ นายแพทย์ รังสฤษฎ์แสดงความคิดเห็นด้วยว่า การที่ผู้คนในสังคมจับจ้องคดีนี้เนื่องจากต่างมีความกังวลว่าผู้ต้องหาในคดีจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะเป็นการสร้างจิตวิทยาที่ผิดเพี้ยนให้แก่สังคม และทำให้ผู้คนในสังคมสิ้นหวังด้วย เพราะจะทำให้เห็นว่ากฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ในการบังคับใช้ลงโทษผู้ที่มีอิทธิพลหรือผู้ที่มีความร่ำรวย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กระแสสังคมพยายามจะแสดงออกและสะท้อนส่งเสียงให้เกิดการดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกัน มองว่าคดีนี้แม้จะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย คนทั่วไปต่างเห็นว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดชัดเจน ซึ่งการดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่ยุ่งยาก และไม่ควรจะยืดเยื้อ ดังนั้นเมื่อการดำเนินการตามกฎหมายไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร จึงทำให้ผู้คนในสังคมอดที่จะกลัวไม่ได้ว่าจะเกิดกรณีซ้ำรอยเหมือนหลายกรณีที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีกหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น