นครปฐม - หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย ออกโรงชี้กรณี “สมีนิพนธ์” มีเมียจริง พยาบาลก็เมียจริง ยันรับร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 55 มีเหยื่อลูกสาวคหบดีถูกมอมยาจนเสียตัว ส่งร้องเรียนคณะสงฆ์สายธรรมยุต บอกกลั่นแกล้งพระ จนต้องหอบลูกไปอยู่เมืองนอก สุดท้ายปรากฏเหตุการณ์ต่อเนื่องถึงปี 61 เผย “นิพนธ์” ใช้แผนเดียวกับ “เณรคำ-ยันตระ” หลอกเหยื่อคนรวย แนะทางแก้คือ ให้คณะสงฆ์มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หากไม่ทำให้ใช้มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฐานเพิกเฉย เหมือนคดีนี้
จากกรณีผู้ร้องเรียน 7 คน เข้าร้องเรียนต่อหลายหน่วยงานงาน กรณี พระครูภาวนา โสภิต หรือพระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย อ.เมือง จ.นครปฐม มีพฤติกรรมเสพเมถุน และมีเมียในวัดถึง 7 คน โดยมีการบริงานจัดการการเงินที่ไม่โปร่งใส และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสมณะ จากนั้นมีหญิงทั้ง 7 คน ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ที่ บก.อปท. และกองปราบปราม เพื่อยืนยันไม่ได้เป็นไปตามที่ปรากฏในสื่อ และตามที่มีผู้ร้องเรียน โดยคาดว่ามีการทำเป็นขบวนการนั้น
ล่าสุด พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ออกมาเปิดเผยว่า กรณีของกระแสข่าวดังกล่าวได้รับการร้องเรียนมาแล้วตั้งแต่ปี 2555 แล้ว โดยเป็นร้องเรียนของคหบดีใหญ่ในจังหวัดนครปฐม ได้นำคลิปพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ มาแจ้งว่า บุตรสาวได้เสียตัวให้แก่ สมีนิพนธ์ ทำให้มีความกลุ้มใจ ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
เมื่อทราบว่าตนเองเป็นพระที่มักทำงานในเชิงรุก และการฟ้องร้อง จึงได้นำบุตรสาวมาแสดงตัวและแจ้งข้อมูลให้ทั้งหมด โดยพบว่า สมีนิพนธ์ นั้นมีพฤติกรรมแบบนี้มานาน ในส่วนของบุตรสาวคหบดีนั้นยังมีคลิปของอาการมึนเมาคล้ายโดนวางยา หรือมีการให้หรือแอบใส่ยาในน้ำ เมื่อมึนยาก็จะกระทำการล่วงเกินจนเสียตัว ทุกวันนี้ต้องพากันไปอยู่เมืองนอกกันหมดแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งด้วยว่า สมีนิพนธ์นั้นก็จะมีพฤติกรรมติดยาเสพติด เป็นกลุ่มของคนรวยทั้งยาอี ยาเค หรือยาของกลุ่มของคนมีเงินที่ใช้ในสังคมไฮโซ
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนี้ตนเองได้เข้าไปร้องเรียนต่อเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอในชั้นปกครอง แต่ได้รับคำตอบทำนองไม่เชื่อ และเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ก็ยังมีการร้องเรียนเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งยังมีเหยื่ออีกหลายรายที่ได้เข้ามาร้องเรียนอีก และได้แนะนำให้ไปร้องเรียนต่อ นายพรหมพร ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติในสมัยนั้น แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมนั้นไม่ต้องไปคิดถึง ท่านทำหน้าที่แค่การรับใช้พระเท่านั้น แต่คณะสงฆ์กลับไม่ดำเนินการใดๆ และเจ้าคณะตำบล อำเภอก็ไม่สนใจ เวลามีงานวัดนี้ก็จะนิมนต์ไปร่วมงาน และใส่ซองให้หนาๆ
จนกระทั่งมาถึงปี 2561 จึงได้ปรากฏเป็นข่าว และมีการตื่นตัวอีกครั้ง และเชื่อว่าหากยังเป็นแบบนี้เดี๋ยวข่าวก็จะเงียบแบบกรณีเณรคำ ซึ่งยังติดคุก เดี๋ยวพ้นคดีก็จะกลับมาแอบบวชได้อีก สมีนิพนธ์ ก็เช่นเดียวกัน
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวอีกว่า คณะสงฆ์ไทยก็มีแบบนี้ตลอด หากมีเรื่องเหมือนในครั้งพระพุทธกาลที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับเรื่องร้องเรียนจะมีการประชุมสงฆ์ สอบสวนผิดจริงก็ปรับอาบัติ แต่ยุคนี้ไม่มีการทำตาม และปัดไปถึงให้กฎหมายบ้านเมืองก่อนถึงจะออกมาบอกว่าทางสงฆ์ค่อยดำเนินการ
และกรณีสมีนิพนธ์ จนป่านนี้ก็ไม่ได้มีการประกาศความผิดใดๆ จนหนีไปแล้ว ไม่มีใครทำอะไรเลย และทำงานเหมือนเดินตามรอยตีนช้าง และถ้าใครไปวุ่นวายก็จะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คนมีชื่อเสียงเข้าไปรวมกันทำให้ชาวบ้านไม่อยากเข้าวัด
“เรื่องนี้การแก้ไขจะต้องทำโดยการแก้กฎหมาย เอามาตรา 157 มาใช้ โดยให้เจ้าคณะปกครองมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย เมื่อไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็ให้มีการ้องเรียนกล่าวโทษ ตามมาตร 1571 ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ แต่กฎหมาย ป.ป.ช.บอกเจ้าคณะปกครองไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ คณะสงฆ์ก็เพิกเฉย ไม่มีการทำงานใดๆ ต้องเปลี่ยนตรงนี้”
จากที่ได้รับการฟังจากพ่อแม่ของเหยื่อ บอกว่า สมีนิพนธ์ จะเน้นคนรวย โดยมีเมียหลายคน ทั้งแอร์โฮสเตส พยาบาล และล่าสุด มีนักข่าวสาวหน้าใหม่ในวงการด้วย มีการแบ่งการจัดการทำงานบริหารงานกันซึ่งเป็นมุกเดียวกับเณรคำ ทำมานานมาก โดยมีแม่ชีออกมาให้สัมภาษณ์ว่าแผนนี้เป็นแผนนารีพิฆาต
ถามว่าคณะสงฆ์เชื่อว่าไม่เป็นจริง เพราะถ้าจริงต้องมีการออกประกาศชัดเจนว่าต้องอาบัติปาราชิก ผิดวินัยร้ายแรง ถามว่าวันนี้มีไหม ไม่มีเลย แต่ถามว่าเชื่อไม่เชื่อ ไม่เป็นไร แต่มีการสอบสวน ติดตามเรื่องราวหรือไม่ เขาร้องก็หาว่าสร้างเรื่องกันขึ้น วันนี้ สนช.พยายามแก้กฎหมายสงฆ์หลายครั้งแต่ก็ได้รับเรื่องตีกลับมา บอกว่ากฎหมายคณะสงฆ์นั้นดีอยู่แล้ว
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวอีกว่า ถ้ากลุ่มผู้ร้องทั้ง 7 คน จะมองว่ากรณีนี้จะเป็นมวยล้มหรือไม่ ต้องบอกว่าถ้าเป็นกรณีร้องต่อคณะสงฆ์ รับรองมวยล้ม แต่ถ้าไปร้องเรียนต่อหน่วยงานภาครัฐ เช่น กองปราบปราม อาจจะไม่ล้ม และถ้ามีการเอาจริงเอาจัง สามารถมีหลักฐานสืบค้นได้ เช่น เงินทองได้มาอย่างไร ใครมาบริจาค ใครใกล้ชิดบ้าง เส้นทางการเงินสามารถตรวจสอบได้หมด
ส่วนการที่คณะสงฆ์ออกมาบอกว่า สมีนิพนธ์ นั้นสึกไปแล้วนั้น ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะต้องทำตามกฎของสงฆ์ แม้จะสึกไปแล้วก็ต้องทำพิจารณาอธิกรณ์ แล้วประกาศลงฑัณฑ์ อาบัติให้ปาราชิก จะได้ไม่ไปบวชที่อื่นอีก
“ถ้าอาตมาเป็นกลุ่มผู้ร้องจะไม่ร้องต่อคณะสงฆ์ เพราะร้องไปตั้งแต่ปี 55 แต่ไม่รับร้อง แต่วันนี้จะไปร้องต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม คณะสงฆ์จังหวัด คณะสงฆ์ภาค แสดงว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เพราะสำนักพระพุทธศาสนาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย ก็จะร้องมาตรา 157 และศาลก็จะเรียกมาสอบ หากพบว่าไม่ดำเนินการก็จะเอาคำสั่งของศาลไปร้องต่อเถรสมาคม ฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย ไม่เอื้อเฟื้อต่อจรรยาพระสังฆาธิการ ก็สามารถไล่ออก ภาคฑัณฑ์ ก็ต้องให้ศาลทางโลกมาสั่งการก่อน แต่คนส่วนใหญ่จะเบื่อหน่าย นอกจากผู้ร้องจะสู้ถึงที่สุด”
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ทุกวันนี้การจะปราบอลัชชี ต้องพึ่งสื่อมวลชนในการปราบการโกงการทุจริต และที่สำคัญการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ไม่ได้ดำเนินการก็น่าจะมีการร้องเรียนในฐานะไม่ปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีการร้องเรียนมาแล้วตั้งแต่ปี 2555 จนถึงวันนี้เพิ่งจะมาเป็นข่าว ต้องถามว่ามัวทำอะไรอยู่