พิษณุโลก - ตามแกะรอยตึกยักษ์ 3 แท่งมูลค่าหลักร้อยล้านผุดบนยอดดอย “เขาค้อ” รอส.ผู้ถือครองที่ดินยืนยันไม่ได้ขายที่ แค่ใช้ที่ดินร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ตแลกรับเงินเดือนละหมื่น บอกเซ็นสัญญากับนักธุรกิจกรุงเทพฯ ต่อหน้าตำรวจบนโรงพัก ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเล็งชง ทภ.3 ปลด 1,052 รอส.พ้นสภาพ-ยึดที่คืน
กรณี “ตึกยักษ์ 3 หลังบนเขาค้อ บ้านส่งคุ้ม ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์” ที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน หลัง พ.ท.เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน.28 ลุยตรวจสอบเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 61 ซึ่งพบสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ความสูง 4 ชั้นรวม 3 หลัง บนที่ดินราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อ-วังชมภู จึงสั่งห้ามก่อสร้างเอาไว้ก่อนอีกครั้ง
เนื่องจากอาคารดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไปแล้วปลายปี 2559 กระทั่ง 29 กันยายน 2560 อัยการจังหวัดหล่มสักมีหนังสือถึง ผกก.สภ.เขาค้อ ระบุคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่พอฟ้อง ขณะที่ฝ่ายทหารที่เป็นผู้ร้องทุกข์ดูเหมือนไม่ทราบเรื่อง จึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทัน
เปิดตัว รอส.ผู้ร่วมหุ้นสร้างตึกยักษ์รีสอร์ตหรูเขาค้อ
นายละออ จีนใจตรง หนึ่งใน “ราษฎรอาสาสมัคร-รอส.สมรภูมิเขาค้อในอดีต” ปัจจุบันอายุ 81 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว บ้านเลขที่ 74 ม.3 ต.วังน้ำคู้ อ.เมืองพิษณุโลก และเป็นเจ้าของที่ดิน รอส.ที่มีการสร้างตึกยักษ์ทั้ง 3 หลัง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ดั้งเดิมเป็นคนวังอิทก อ.บางระกำ มีภรรยาที่ ต.วังน้ำคู้ โดยสมัยนั้นทหารแนะนำให้ไปสมัครเป็นราษฎรอาสา-เสริม ซึ่งการสู้รบบนเขาค้อ จบแล้ว ประกอบกับลูกคนหนึ่งทำงานบนเกษตรที่สูงเขาค้อด้วย
ยุคนั้นเปิดรับสมัครครั้งละ 30 ราย ทางทหารได้ให้ไปบุกเบิกทำไร่บนพื้นที่จัดสรรเป็นที่ดินทำกินพื้นที่บ้านส่งคุ้ม หมู่ที่ 12 ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ให้เมื่อพฤษภาคม 2527 ที่สมัยนั้นเป็นป่าทึบ ซึ่งทำได้เพียงปลูกกล้วยเท่านั้น
ทราบดีว่า รอส.ต้องยึดหลักเกณฑ์ 9 ข้อที่มีระบุไว้ด้วยว่า ห้ามขาย แต่ยอมรับว่าทุกคนบนเขาค้อก็ขายที่ดินเกือบทั้งหมด สำหรับตนยืนยันว่าไม่ได้ขาย ไม่เคยรับเงินล้าน เพียงแต่เป็นการร่วมทุน รับเงินเดือนละหมื่น หรือ 120,000 บาทต่อปี โดยเขียนสัญญาร่วมหุ้นกับนายทุนกรุงเทพฯ บน สภ.เขาค้อ ซึ่งหนังสือสัญญานั้นไม่ได้ระบุว่าทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้างเป็นของตนแต่อย่างใด แม้ที่ดินยังเป็นของตนก็ตาม
นายละออบอกว่า ก่อนเปลี่ยนมือที่ดิน รอส.ในครอบครองเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น ตนได้ปลูกมะขามไว้ แต่ด้วยอายุมากแล้ว ไม่มีใครดูแลสวนต่อ จึงเดินทางมาอาศัยอยู่กับลูกๆ ในเมือง ซึ่งมีลูกจำนวน 7 คน โดยการร่วมลงทุนกับคนกรุงเทพฯ ครั้งนี้หวังเพียงให้ลูกหลานจะได้มีงานทำในรีสอร์ต ส่วนตนก็ได้เงิน 1.2 แสนต่อปีไว้ดูแล
ล่าสุดได้รับเงินงวดรายปีในปีแรกเกือบครบแล้ว อีกไม่นานผู้ร่วมลงทุนจะโอนเงินเข้าบัญชีเป็นรายปีงวดที่ 2 และถ้าหากรีสอร์ตเปิดให้บริการแล้วจะเพิ่มเงิน แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด
“สัปดาห์ที่ผ่านมาทหารม้า ม.28 ได้เดินทางมาสอบถามที่บ้านว่าได้ขายที่ดินหรือไม่ ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้ขาย แต่ลงหุ้นเป็นที่ดินลักษณะร่วมหุ้น บอกเขาให้เดือนละหมื่นบาท โดยให้เขาลงทุนไป ส่วนทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนของเขาที่เป็นนักธุรกิจคนกรุงเทพฯ ผมลงทุนเพียงที่ดิน หากรีสอร์ตเปิดบริการเขาจะให้รายได้เพิ่มอีก แต่ไม่รู้เท่าไหร่ แต่มีสัญญา ซึ่งตกลงกันที่โรงพักต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ลูกลุงละออกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคุณสมบัติ 9 ข้อ รอส. คือ
1. ห้ามมิให้แบ่งแยกและโอนที่ดินที่ได้รับการจัดสรรให้แก่คนอื่น เว้นแต่ตกทอดทางมรดก
2. ห้ามมิให้ผู้อื่นเช่าช่วง หรือแบ่งเช่า หรือนำไปเป็นหลักฐานประกันเงินกู้ หรือก่อให้เกิดภาระติดพันประการใดๆ
3. ห้ามบุกรุกแผ้วถางป่า นอกเหนือจากพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เพื่อขยายพื้นที่ทำกินโดยเด็ดขาด
4. ห้ามใช้ที่ดินหรือนุญาตให้ผู้อื่นใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ หรือผิดต่อกฎหมายอื่น หรือเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
5. ห้ามผู้ครอบครองที่ดินและบริวารกระทำผิดกฎหมายอื่น โดยอาศัยสิทธิ์การครอบครองที่ดินนี้ หากผ่าฝืนจนเป็นเหตุให้ได้รับโทษแล้ว ให้ถือว่าการกระทำผิดเงื่อนไขนี้
6. ต้องยอมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่และการปฏิบัติตามเงื่อนไข
7. ที่ดินที่อนุญาตให้เข้าทำกินแปลงนี้ ไม่อยู่ในข่ายบังคับคดี
8. หากผู้ถือหนังสือนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเพิกถอนหนังสือรับรองนี้ได้
9. เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพิกถอนหนังสือรับรองนี้และแจ้งให้ทราบแล้ว ผู้ถือหนังสือนี้พร้อมด้วยบริวารต้องออกจากพื้นที่ภายในกำหนด 30 วัน และจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือค่าตอบแทนใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับอาคารตึกยักษ์ 3 หลังที่ได้ก่อสร้างบนที่ดินของนายละออ จีนใจตรง หนึ่งในราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) เขาค้อ ตั้งอยู่ที่หมู่ 12 บ้านส่งคุ้ม ต.เขาค้อ เป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่มหึมา คาดว่าลงทุนด้วยเม็ดเงินหลัก 100 ล้านบาท ท่ามกลางรีสอร์ต และบ้านพักหรูที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดริมผา-ริมเขาค้อเคียงคู่
แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า แนวทางแก้ไขปัญหาเขาค้ออย่างเร่งด่วนในขณะนี้ที่น่าจะดำเนินการ คือ
1. รีสอร์ตที่บุกรุกเพิ่มเติม (นอกแปลง รอส.) จำนวน 2,750 แปลง รีสอร์ต 135 แห่ง ใช้มาตรา 14 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2507
2. รีสอร์ตของ รอส.ที่กระทำผิดเงื่อนไขจำนวน 1,052 ราย จากทั้งหมด 1,542 รายนั้น จะนำเสนอต่อกองทัพภาคที่ 3 ปลดจากการเป็น รอส. ถอดถอนสิทธิที่ทำกิน พร้อมกับนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ถอดถอนสิทธิที่ทำกินเช่นกัน
3. รีสอร์ตในแปลง รอส. จำนวน 332 แห่งจะดำเนินการตรวจเช็กต่อไป