xs
xsm
sm
md
lg

เดือดจัด ผบ.พัน ม.28 แฉกลางวง บิ๊กตึกยักษ์เขาค้อขอเคลียร์-อึ้งซ้ำหลุดคดีทั้งที่หลักฐานชัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพชรบูรณ์ - “รีสอร์ต-บ้านพักหรูบนเขาค้อ” มีหนาว ผบ.พัน.ม.28 แฉกลางวงประชุม หลังนายทุนตึกยักษ์บนยอดภู หลุดคดีรอบแรก ทั้งที่ผิดเงื่อนไข-มีหลักฐานร่วมทุนกับ รอส.ทนโท่ในบันทึก ปจว. “สภ.เขาค้อ” แถมระดับบิ๊กขอเคลียร์ซ้ำ ระบุยอด รอส.เขาค้อ 4 ตำบล ทำถูกเงื่อนไขไม่ถึง 1 ใน 3 ที่เหลือผิดหมด แถมขายที่แล้วลูกหลานรุกป่าต่ออีก

วันนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะเจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้บริหาร อบต.และกำนันในเขตพื้นที่ 4 ตำบลของ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเขาค้อ เพื่อหาแนวทางดำเนินคดีการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ 3 หลังของนายทุนบนพื้นที่ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) บ้านส่งคุ้ม อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งมีนายปกรณ์ ตั้งใจตรง นายอำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เป็นประธาน และ พ.ท.เกียติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน.28 เข้าร่วมด้วยนั้น

ที่ประชุมหยิบยกข้อกฎหมาย อาทิ กฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, กฎหมายผังเมืองรวมเพชรบูรณ์ตามกฎกระทรวง และเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน รอส. 9 ข้อ ขึ้นมาพิจารณา เพื่อเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ ใช้ในการดำเนินคดีกับนายทุนรายนี้อีกรอบ เนื่องจากตามกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 147 กำหนดให้การดำเนินคดีต่อผู้ต้องหารายเดิมต้องมีหลักฐานใหม่เพิ่มเติม นอกจากนี้ในที่ประชุมยังหารือถึงมาตรการที่จะยับยั้งไม่ให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการประชุมได้เกิดความตึงเครียดขึ้น หลังจาก พ.ท.เกียรติอุดม ได้หยิบยกปัญหากรณีอาคารตึกยักษ์ 3 หลัง ซึ่งภายหลังคำสั่งอัยการหล่มสักสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่พอขึ้นมาชี้แจง โดยยืนยันว่าทางหน่วยฯ ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่บนเขาค้อ ไม่เคยได้รับเอกสารหนังสือคำสั่งอัยการดังกล่าว โดยเฉพาะคดีนี้ฝ่ายทหารเป็นผู้กล่าวโทษ และเป็นผู้เสียหาย


โดยหลังจากทราบเรื่องจึงได้ส่งทหารไปตามเก็บข้อมูลจาก รอส.เจ้าของที่ดินรายนี้ ที่บ้านวังน้ำคู้ อ.เมืองพิษณุโลก พบว่ากลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ไปถึงก่อนทางทหาร และถึงกับต้องอึ้งเมื่อทราบว่าเมื่อปี 2558 รอส.เจ้าของที่ดินรายนี้ได้แจ้งบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เขาค้อ ว่าได้ร่วมลงทุนกับนายทุนรายนี้ และยังทำเอ็มโอยูไว้ด้วย จึงสงสัยว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ทำไมทางตำรวจจึงไม่มีการคัดค้าน

“ก่อนหน้านี้เคยกล่าวย้ำกับอดีตนายอำเภอเขาค้อไว้แล้วให้ช่วยทำให้ดีๆ เพราะเคสนี้เป็นเคสใหญ่มีระดับบิ๊กทั้งนั้นโทร.มาขอให้ช่วยเหลือ ซึ่งได้ตอบปฏิเสธไป สุดท้ายก็ยังมีคำสั่งไม่ฟ้องอีก ซึ่งมาในรูปแบบไหนก็ไม่รู้ ฉะนั้นจึงไม่อยากให้มีใครไปแปลงสารอีก”

ผบ.ม.พัน.28 ยังให้ข้อมูลต่อไปว่า ในการสำรวจเมื่อปี 2560 ยอด รอส.4 ตำบล มีจำนวน 1,542 คน แต่ที่ถูกเงื่อนไขมีแค่ 490 รายเท่านั้น ในขณะที่ทำผิดเงื่อนไขมีมากถึง 1,052 ราย และในการเรียกรีสอร์ตบ้านพักนอกแปลง รอส.และอยู่ในเขตป่าจำนวน 135 ราย มาตรวจสอบพบว่ามีจำนวน 102 คน ที่ไม่ใช่คนเขาค้อ แต่เป็นนักลงทุนหรือบุคคลที่มาจากต่างถิ่นแทบทั้งนั้นซึ่งมีเพียงส่วนน้อยที่เป็นคนในพื้นที่จริงๆ

“ทุกวันนี้ที่บอกว่าเรารักเขาค้อ ดูแลเขาค้อ คงไม่ใช่ บางคนจบดอกเตอร์มาซื้อที่ดิน แล้วบอกว่าไม่รู้ว่าซื้อไม่ได้ คงไม่ใช่ อยากให้ข้อมูลตรงนี้ ซึ่ง 1,000 กว่ารายที่ไม่ใช่คนเขาค้อ แต่มามีที่ดินอยู่บนเขาค้อ”

พ.ท.เกียรติอุดมชี้แจงอีกว่า ในการสำรวจล่าสุดยังพบรีสอร์ตบ้านพักที่บุกรุกป่าเพิ่มเติมอีก 191 ราย ที่น่าสนใจก็คือส่วนใหญ่เป็นราษฎรเขาค้อ โดยมีทั้งที่เป็น รอส. หรือเป็นลูกหลานทายาท รอส.ที่ต้องมาบุกรุกป่าเพื่ออยู่อาศัย ส่วนสาเหตุหลักๆพบว่า รอส.เหล่านี้ได้ขายที่ดินที่ครอบครองไปแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการลงไปสำรวจก็จะพูดว่า “ไม่เห็นใจกันบ้างเหรอ..” และยังอ้างเรื่องความยากจนไม่มีที่ดินทำกินอีกด้วย แต่เมื่อกลับมาดูข้อมูลก็พบว่าเป็น รอส.มีที่ดินและได้ขายไปแล้ว เมื่อถามว่าเห็นใจไหมก็น่าเห็นใจแต่หากมองอีกมุมจะเห็นใจได้อย่างไร ก็เมื่อให้ไป 20 ไร่แล้ว แต่เอาไปขาย แล้วก็มาบุกรุกป่ากัน โดยอ้างไม่มีที่ดินทำกิน และจะขอใช้ที่ดินโดยบอกให้คนอยู่กับป่าอีก

พ.ท.เกียรติอุดมยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า การสำรวจรีสอร์ตบ้านพักที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ป่า พื้นที่ 4 ตำบลเพิ่มเติม ขณะนี้มียอด 191 ราย คาดว่าเมื่อครบกำหนดเวลาสำรวจถึงวันที่ 12 มีนาคมนี้ ยอดน่าจะทะลุ 200 ราย และเมื่อเสร็จแล้วก็จะรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่เรียกมาคุยแล้ว โดยจะจัดให้ไปอยู่ในกลุ่ม 135 รีสอร์ตที่อยู่นอกแปลงและอยู่ในเขตป่า

“วัตถุประสงค์การมาประชุมในวันนี้ต้องการจะหยุดตัวเลขเหล่านี้ให้ได้ หากไม่มีมาตรการอะไรตัวเลขเหล่านี้ก็จะไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกฝายต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา”

อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายปกรณ์ ตั้งใจตรง พร้อม พ.ท.เกียรติอุดม นาดี และนายชิต อินทรนก ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์, พ.ต.อ.หทัยวัฒก์ จารุชัยนิวิฒน์ ผกก.สภ.สภ.เขาค้อ, นายสมพงษ์ ทองหนูนุ้ย ปลัดอาวุโสอำเภอเขาค้อ และผู้เกี่ยวข้องได้ปิดห้องประชุมลับหารือถึงแนวทางที่จะดำเนินคดีนายทุนตึกอาคารยักษ์ 3 หลังอีกครั้ง หลังจากอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยเด็ดขาดไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยการประชุมลับดังกล่าวใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเศษจึงเสร็จสิ้น

ต่อมาที่ประชุมได้มอบให้ ร.ต.เอกชัย ดอนนาวิน หน.ชป.ศอป.โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก และนายสมศักดิ์ ชวนชม หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.2 (เขาค้อ) เข้าพบ พ.ต.ท.วัชรินทร์ อินทรประพันธ์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.เขาค้อ เพื่อนำหนังสือที่ กห 0483.21/21 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เรื่องรายงานผลการตรวจสอบพื้นที่มีสิ่งปลูกสร้างให้หน่วยงานในพื้นที่ได้ทราบ ไปมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อ เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ พร้อมแจ้งบันทึกไว้ว่าหากมีหลักฐานเพียงพอ และเป็นความผิดตามกฎหมาย จะได้ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น