กาญจนบุรี - ‘ทนายตั้ม’ ยื่นบัญชีพยานเพิ่มที่ศาลแพ่งกาญจนบุรี พร้อมเร่งทำเอกสารขอถอนอายัดเงิน และขอดูสำนวนกองปราบฯ เอาผิด จนท. คาด ตร.ชั้นผู้ใหญ่ และยศ พ.ต.ท.เข้าข่ายถูก ป.ป.ช.สอบ ด้าน ‘ลุงจรูญ’ ควงภรรยาพร้อมลูกสาว กราบไหว้สิ่งศักดิ์ พร้อมอโหสิกรรมให้ครูปรีชา ด้าน ‘เจ๊รัตน์’ ที่เคยถูกอ้างเป็นพยานครูปรีชา ขึ้นโรงพักลงบันทึกไม่เคยเกี่ยวข้อง
วันนี้ (2 มี.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมาที่ศาลแพ่งจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพิ่มเติมในคดี พ 1230/2560 โดยมีนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อายุ 62 ปี ข้าราชการเกษียณตำรวจ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท
สำหรับคดีนี้ศาลนัดสืบพยานในวันที่ 1 พ.ค.61 จำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยไว้แล้ว ปรากฏว่าตามบัญชีพยานจำเลยยังขาดตกบกพร้องอยู่ จำเลยจึงขอยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ซึ่งการยื่นบัญชีพยานครั้งนี้ นายษิทรา ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่รอทำขาวอยู่หน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี
นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมายื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม ทั้งหมด 15 อันดับ เป็นพยานบุคคล 10 อันดับ พยานวัตถุพยานเอกสารอีก 5 อันดับ คือไปยื่นเพิ่มจากคราวที่แล้ว พยานบุคคลเรา ก็อ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเอามาเป็นพยาน 4 ปาก แล้วก็เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 1 ปาก และก็ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องฟิสิกส์อีก 1 ปากแล้วพยานบุคคลทั่วไป ที่เหลือก็เป็นพยานหลักฐานทางสำนวน
ผู้สื่อข่าวถามว่าครูปรีชายังให้การปฏิเสธ ทนายมีความรู้สึกหนักใจหรือไม่ ทนายตั้มตอบว่าไม่หนักใจ คิดว่าน่าจะกลับเอาไปคิด 2 - 3 วัน ว่าจะยังไงตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็เหมือนกับให้ครูดูหลักฐานว่ามีหลักฐานแน่นหนาแค่ไหน แล้วก็จะรับหรือว่าปฏิเสธ จากที่ได้คุยกับลุงจรูญก็พร้อมที่จะให้อภัยและอโหสิกรรมในเรื่องของกรรมจะได้ไม่ต้องมีการบาดหมางกันอีกในชาตินี้และชาติหน้า
ส่วนเรื่องดำเนินคดี ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับเรื่องนี้มันเป็นคดีแล้วยังไงมันต้องดำเนินการ การพิจารณาเพราะไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ แต่ถ้าคุณครูนั้นยอมรับสารภาพ ก็จะเป็นผลดีกับตัวเขาและครอบครัว เพราะว่าศาลท่านอาจจะเมตตาลงโทษสถานเบา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจบได้เลย เพราะว่าคดีนี้เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้สังคมกำลังสับสนเกี่ยวกับเรื่องคดีระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา ทนายตั้ม กล่าวว่าต้องแยกระหว่างคดีแพ่งและคดีอาญา คดีทางอาญาคุณลุงจรูญไม่ถูกดำเนินคดีในเรื่องยักยอกทรัพย์สิน หรือว่ารับของโจร แต่ว่าทางกองปราบมีพยานหลักฐานและก็สามารถดำเนินคดีกับทางฝ่ายครูปรีชาได้ ในข้อหาให้การเท็จและก็อีกหลายๆ ข้อหา ซึ่งต้องไปพิสูจน์ในกระบวนศาลต่อไป
สำหรับคดีแพ่งทางทนายของครูปรีชา ได้มีการฟ้องเรื่องละเมิดแล้วก็เรียกค่าเสียหายเงินจำนวน 30 ล้าน โดยอ้างว่าได้ทำลอตเตอรี่หายแล้วทางคุณจรูญเก็บได้ แล้วก็เอาไปขึ้นเงิน ก็จึงมีการเรียกเงินมาทั้งหมด 30 ล้าน แล้วระหว่างที่คดียังไม่มีการสืบพยาน ก็ได้มีการยื่นให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินขออายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อน
ซึ่งศาลก็กลัวว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากทางฝ่ายตำรวจ ยังไม่มีการยื่นหลักฐาน ศาลท่านก็เลยมีคำสั่งอายัดเงินไว้ แต่ทางเราก็สามารถมีการเสนอเพิกถอนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมเอกสารต่างๆ รอเอาสำนวนจากทางกองปราบที่มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนยื่นศาล เพื่อให้ศาลเห็นว่าจริงๆ แล้ว การที่มาศาลต้องมาด้วยมือสะอาด แต่การที่เขาฟ้องมาแบบนี้ เป็นการกลั่นแกล้งและก็ไม่ใช่เรื่องจริง
ในส่วนเรื่องการขอยกเลิกอายัดเงินต่อศาลนั้น ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งจะได้ไปขอสำนวนการสอบสวนของทางกองปราบฯ เพื่อนำมายื่นต่อศาลด้วย
นายษิทธา กล่าวอีกว่า เชื่อว่าทางฝั่งโน้นไม่ได้มีคลิปที่ลุงจรูญรับสารภาพ หรือภรรยาลุงจรูญรับสารภาพ เพราะได้สอบถามทั้ง 2 คนแล้ว ถ้ามีจริงคงมอบให้กองปราบไปแล้ว เพราะมันจะทำให้คดีพลิกได้เลย แต่เขาเลือกที่จะเอาไปเปิดที่ศาล ตนเองก็ต้องขอให้ศาลเช็คอยู่แล้วว่า คลิปจริงหรือมีการตัดต่อหรือไม่ ครูปรีชาก็ต้องถูกดำเนินคดีอีกข้อหาหนึ่ง
สำหรับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นจะขอรอดูสำนวนจากเจ้าหน้าที่กองปราบก่อน ว่าจะดำเนินการกับใครบ้าง แต่ล่าสุดได้ข่าวมาว่า น่าจะโดนเกี่ยวกับเรื่องของ ป.ป.ช.โดยมีนายตำรวจระดับสูง และนายตำรวจยศ พ.ต.ท. จะถูกดำเนินคดี”นายษิทรา เผย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น.นายษิทรา พร้อมทีมงานทนาย ได้เดินทางไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกาญจนบุรี เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เพื่อกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดกาญจนบุรี โดยมี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล นางลาวัลย์ วิมูล รวมทั้งลูกสาวของ ร.ต.ท.จรูญ และนางราวัลย์ ร่วมเดินทางไปด้วย และนอกจากนี้ยังมี นางสุรัตน์ เสน่หา หรือเจ๊รัตน์ ที่ถูกอ้างถึงในคลิปเสียงเดินทางมาด้วย
หลังจากกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วเสร็จ นายษิทรา พร้อมหมวดจรูญและนางลาวัลย์ ได้พาเจ๊รัตน์ ไปพบ ร.ต.อ.พงศธร พัชรเลขกุล รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคลิปดังกล่าวมาก่อน ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
สำหรับ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อกราบไหว้ศาลหลักเมืองตามปกติ โดยไม่ได้อธิษฐาน รวมทั้งไม่ได้บนบานศาลกล่าวแต่อย่างใด ช่วงนี้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ลุงยังได้กล่าวอีกว่าความเป็นจริงขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเราเห็นกันอยู่แล้ว สำหรับเรื่องกระแสข่าวที่ว่าเก็บลอตเตอรี่ได้ ขอยืนยันว่าไม่จริง
ส่วนนางสุรัตน์ กล่าวว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะไปเป็นพยานให้ฝั่งครูปรีชา ซึ่งมีนักข่าวมาสอบถามตนเองมากมาย ขอยืนยันว่าไม่เห็นแล้วก็ไม่เกี่ยวข้องอะไร ไม่รู้เรื่องอะไร แล้วก็ยังงงอยู่ว่าตนเองไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย
