นครปฐม - หนึ่งในเจ็ดผู้ร้องเรียนเปิดปากครั้งแรก ยันพฤติกรรมสมีนิพนธ์ มีเมียจริง เดินหน้าร้องเรียนหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม แต่เรื่องเงียบ ซัดคณะสงฆ์สอบเหมือนอุ้มคนผิด เตะถ่วงดึงเวลา ก่อนเป็นข่าวดัง ล่าสุด เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในวัดป่าปฐมชัยแล้ว
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอดีตพระครูภาวนา โสภิต หรือพระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป หรือสมีนิพนธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย ม.3 ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่ถูกร้องเรียนต่อคณะสงฆ์ในบังคับบัญชาสายธรรมยุต หลังมีพฤติกรรมเสพเมถุน มีเมียในวัดถึง 7 คน ยักยอกทรัพย์ และข้อสงสัยต่อการบริหารจัดงานด้านการเงินภายในวัด ว่าจนถึงขณะนี้ทางคณะสงฆ์ในจังหวัดนครปฐม ก็ยังไม่ยอมออกมาเปิดเผยผลการสอบสวน แม้ที่ผ่านมาทางคณะสงฆ์ นำโดย พระครูภาวนาวิมล ว. (สุพรชัย สารธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสระกระเทียม ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ชั้นปกครองสายธรรมยุต จะเรียกพระนิพนธ์ และผู้ร้องเรียนทั้ง 7 คน เข้าไปสอบสวนข้อเท็จริง นำมาซึ่งการหลบหนีออกจากวัด และปล่อยข่าวว่าได้ลาสิกขาไปแล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง ป้าอุไร (นามสมมติ) หนึ่งในเจ็ดผู้ร้องเรียน โดยคุยผ่านโทรศัพท์มือถือถึงการร้องเรียนที่เกิดขึ้น โดยให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เชื่อว่าพระยังไม่ได้สึกตามที่ได้มีการแจ้งออกมาเพราะไม่มีหลักฐานว่าสึกกับใคร ที่ไหนอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่ตนเองได้พบคือ เห็นผู้หญิงรายรอบ สมีนิพนธ์ และมีอาการคล้ายคนเมา นั่งไม่ตรง และเช็ดหน้าบ่อยครั้ง ต่อมาถึงได้รู้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นบรรดาเมียของ สมีนิพนธ์ หลังจากได้ถอยออกมา และมาเปิดข้อมูลยอมรับกันภายหลัง
ป้าอุไร กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้เข้าไปพบสมีนิพนธ์ หลังจากรับรู้เรื่องราวจนมีการเก็บหลักฐานมาช่วงหนึ่งจนแน่ชัดแล้ว จึงได้มีการเข้าไปร่วมร้องเรียน โดยได้รวบรวมเอกสารไปร้องยังเจ้าคณะตำบลก่อนหน้า แต่ก็ได้รับการตอบมาว่า ให้เอาภาพถ่ายมายืนยันก่อน โดยการเก็บข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ในห้องพักต่างๆ ในวัดมีห้องเก็บเหล้าอยู่ในนั้นด้วย และเมียของ สมีนิพนธ์ ก็ออกมายืนยันว่ามีจริง
“ป้ารู้สึกว่าน่าเสียดายที่การติดตามเรื่องราวนั้นช้ามาก เหมือนพระช่วยพระกันเอง ถ้าตรวจสอบตั้งแต่ช่วงที่เราร้องรับรองว่าพบทั้งหมด แต่นี่กว่าจะเข้าไปดำเนินการเขาก็แก้ไขกันไปหมดแล้ว ยิ่งในช่วงที่ไปอินเดีย ซึ่้งคณะผู้ร้องได้ให้ข้อมูลไปแล้วว่า การไปอินเดียนั้นอ้างว่าจะไปพุทธคยา แต่สุดท้ายก็ไปนอนโรงแรม ไม่ได้มีการไปสวดมนต์ กลับไปเมากันในโรงแรม ทำให้คนที่ไปด้วยทนไม่ได้ กลับมาทำการเก็บข้อมูลจนแน่ชัด เพื่อจะเอาคนคนนี้ออกจากวงการสงฆ์ให้ได้”
นางอุไร บอกว่า เรื่องการเมานั้นก็มีครั้งหนึ่งที่ สมีนิพนธ์ ได้ขับรถไปชนตำหนักศาลข้างวัด ซึ่งเจ้าของบ้านก็ได้มีการจะไปแจ้งความ แต่ทาง สมีนิพนธ์ ได้มีการชี้หน้าด่า และเปลี่ยนตัวคนขับเป็นคนในวัดในเรื่องดังกล่าว และยังอ้างถึงคนชื่อผู้การโจ๊ก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ต่อหน้าเจ้าของบ้านด้วย และตอนนี้จะต้องมีการตามเรื่องอีกครั้งที่เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เพราะท่านบอกว่า ขอเวลา 4-5 วัน หลังจากวันที่ 22 ก.พ. ที่มีการเรียกเช้าไปชี้แจงถึงการดำเนินการ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เรียกกลับไปฟังว่าจะมีอะไรคืบหน้า เหมือนเตะถ่วงกันไปเรื่อยๆ
“เราทำเรื่องนี้ด้วยเงินส่วนตัวเพราะเห็นว่าศาสนาเสียหายมามากแล้ว ร้องเรียนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 60 ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม คสช. กอ.รมน. ศูนย์ดำรงค์พธรรมจังหวัดนครปฐม แต่เรื่องก็ไม่ค่อยคืบหน้า ตามเรื่องจากเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม และสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ไปแล้ว 5-6 รอบเสียค่าน้ำมันหลายหมื่น พอสุดท้ายเบื้องบนบอกให้ไปร้องที่ต้นสังกัด คือ เจ้าคณะอำเภอ เรากลัวจะอุ้มกันเองเลยไปร้องที่อื่นหมด สุดท้ายเมื่อมาถึงท่านก็บอกว่าเบื้องบนจี้ให้สอบเรื่องนี้มาแล้ว”
ป้าอุไร กล่าวปิดท้ายว่า ตั้งแต่การร้องเรียนครั้งแรก ทางวัดก็มีการส่งคนมาคุกคามบ้านผู้ร้องบางคน เข้าใจว่าทุกคนก็อยากเก็บตัวไม่อยากจะเดือดร้อน แต่ที่ต้องออกมาแฉความจริงเพราะสงสารญาติโยมที่จะเข้ามาทำบุญกับ สมีนิพนธ์ และคนที่ระบุว่า ถูกเปิดภาพในคลิป ฉลองวันเกิดที่ออกมาจะฟ้องร้องเอาความผิดกับผู้ที่เอาคลิปมาเผยแพร่ ก็ขอให้ฟ้องมาจริงๆ เพราะใครที่อยู่ในขบวนการจะถูกเปิดโปงออกมาทั้งหมดแน่นอน ขอให้ฟ้องมา ความจริงจะได้เปิดเผยสักที และขอบอก สมีนิพนธ์ ว่า ถ้าไม่ผิดจะหนีทำไม ออกมายืนยันความจริงดีกว่า ส่วนใครที่บอกว่าคนร้องนั้นกลั่นแกล้งพระ ซึ่งถ้าพิสูจน์แล้วว่าทำให้ สมีนิพนธ์ เสียหายก็ขอให้ดำเนินคดีต่อผู้ร้องได้เลย
ด้าน นายธานี พิกุลทอง นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม (พศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี สมีนิพนธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่ถูกร้องเรียนต่อคณะสงฆ์ในบังคับบัญชาสายธรรมยุต หลังมีพฤติกรรมเสพเมถุน ยักยอกทรัพย์ และข้อสงสัยต่อการบริหารจัดงานด้านการเงินภายในวัดป่าปฐมชัย ว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้คือ พระครูภาวนา โสภิต หรือพระครูปลัดนิพนธ์ ได้สึกจากความเป็นพระไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน
ส่วนเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดนั้น ขณะนี้ พระปฐมคณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดชุมนุมศรัทธา อ.บางเลน จ.นครปฐม เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม-สุพรรณบุรี ธรรมยุต ได้สั่งการมายังพระครูภาวนาวิมล ว. (สุพรชัย สารธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสระกระเทียม ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ชั้นปกครองสายธรรมยุต ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เข้าไปร่วมด้วยเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด โดยคำสั่งดังกล่าวของเจ้าคณะจังหวัดได้สั่งลงมาตามลำดับขั้นตอน ส่วนสำนักพระพุทธศาสนานั้นมีหน้าที่คอยสนองงานพระเท่านั้น
ขณะที่มีผู้หวังดีได้นำภาพของพระรูปหนึ่งในวัดป่าปฐมชัย ที่กำลังเช็ดถูรูปหล่อสีทอง ขนาดความสูงประมาณ 1 เมตร ปางที่พระพุทธเจ้าประสูติ ที่ระบุว่า เคยเห็นในวัด ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่ายังอยู่ในวัดหรือไม่ และเป็นพระทองคำ ร่วมกับอีก 8 องค์ ที่เคยระบุว่า ยังไม่มีใครพบจนถึงขณะนี้ และมีภาพของข้าราชการตำรวจที่ให้ สมีนิพนธ์ มาประดับยศที่บ่าให้ ซึ่งมีการระบุจากแหล่งข่าวว่า สมีนิพนธ์ มักอ้างถึงนายตำรวจใหญ่หลายคนบ่อยครั้ง ว่า มีความสนิทสนมกัน โดยมีการใช้สายน้ำเกลือ ซึ่งมีการร้องเรียนไปว่า มีสารคล้ายยาระงับประสาทอยู่ในนั้นโดยมี น.ส.นิ (นามสมมติ) นางพยาบาล หนึ่งในเมียได้เป็นผู้ดูแล