ชาวบ้านเผย “สมีนิพนธ์” ไหวตัว ขนของจากวัดกลางดึกหลายรอบก่อนเป็นข่าวฉาว

นครปฐม - เผยภาพสมีนิพนธ์นั่งเงียบ หลังสาวคนสนิทหวั่นอิทธิพล ขอกำลังทหาร ตำรวจช่วยคุ้มกัน มีการขนของใส่เต็มรถออกจากวัด ย้ำความสัมพันธ์สีกามีเงื่อนงำ ก่อนเรื่องปูดเป็นข่าว ส่งโล้นฉาวหนีหลังถูกคณะสงฆ์แจ้งข้อกล่าวหา รู้ตัววางแผนก่อนทิ้งวัดหายตัวเงียบ ส่วนชาวบ้านแจ้งผู้นำชุมชนมีรถบรรทุกขนของออกจากวัดกลางดึกหลายครั้งก่อนเป็นข่าวฉาว

จากกรณี พระนิพนธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ถูกร้องเรียนต่อคณะสงฆ์ในบังคับบัญชาสายธรรมยุต มีพฤติกรรมเสพเมถุน มีเมีย7 คน และยักยอกเงินในวัด ก่อนจะมีการสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา และทำให้พระนิพนธ์ ตัดสินใจหนีออกจากวัด หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ทีผ่านมา สร้างข้อสงสัยให้แก่ลูกศิษย์ ชาวบ้านโดยรอบที่สงสัยในพฤติกรรมมานาน

ล่าสุด วันนี้ (1 มี.ค.) มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ส่งภาพมาให้ผู้สื่อข่าว พร้อมให้ข้อมูลว่า เป็นภาพที่เกิดในช่วงราวประมาณเดือนตุลาคมปี 60 ที่สาวคนสนิทของ สมีนิพนธ์ ได้ตีตัวขอย้ายออกจากวัดป่าปฐมชัย หลังอาศัยอยู่ในวัดมาหลายปี และเป็นคนเดียวกับที่ถูก สมีนิพนธ์ ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากความหึงหวง โดยมีภาพปรากฏในสื่อโซเชียลไปแล้วก่อนหน้านี้

โดยแหล่งข่าวคนเดิมระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นหนึ่งในจุดของความแตกหักระหว่างสาวคนสนิทที่เป็นพนักงานของสายการบินหรู ที่ได้ขอให้มีกำลังทหาร ตำรวจเข้าร่วมให้ความปลอดภัยในการขนของออกจากบ้านพักในวัดป่าปฐมชัย โดยในภาพจะมีภาพหนึ่งที่มี สมีนิพนธ์ นั่งนิ่ง โดยมีสาวคู่กรณีนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม และภาพต่อมาเป็นภาพที่มีการขนของออก โดยมีแม่ชีในวัดมายืนร่วมกันดูการขนของที่มีการนำถุงดำมามัดไว้ร่วมกันถึง 2 คันรถ ซึ่งสาวคนดังกล่าวนั้นอาศัยอยู่ในวัดมาไม่น้อยกว่า 6 ปี ระยะเวลาใกล้เคียงกับการก่อสร้างวัดป่าปฐมชัย ที่มีมาประมาณ 7-8 ปี

ภาพดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่มีการส่งให้คณะสงฆ์ มีการนำไปสอบสวนถึงความสัมพันธ์กับหญิงภายในวัดของ สมีนิพนธ์ ซึ่งเรื่องการแตกหักเกิดจากการที่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงจับได้ว่า ลูกสาวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา และเป็นช่วงเวลาที่สาวคนดังกล่าวถูกทำร้ายบ่อยครั้ง หลังสมีนิพนธ์ นั้นมีการติดพันสาวคนใหม่ที่เข้ามาในวัดอีกหลายคน ซึ่งเป็นประเด็นที่ น.ส.บี (นามสมมติ) ออกมายอมรับว่า สาวในคลิปฉลองวันเกิดในกุฏิของสมีนิพนธ์นั้นเป็นตนเอง และเตรียมแจ้งความเอาความผิดต่อผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหาย ขณะที่ น.ส.บี ตกเป็นผู้ที่มีคดีติดตัว ในกรณียักยอกทรัพย์เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า ซีเอ็กซ์ 5 สีขาว ที่มีการแจ้งความให้ดำเนินคดีไปแล้วที่ สภ.เมืองนครปฐม ร่วมกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด อีก 1 คัน ซึ่งเป็นของหญิงสาวที่ปรากฏในภาพ ซึ่งก็ได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองนครปฐม เช่นกัน และมีการพยายามติดตามตัวเพื่อมารับข้อกล่าวหา และค้นหารถทั้ง 2 คันในเวลานี้ด้วย

ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงของสาวทั้ง 7 คน ที่ถูกระบุว่า เป็นเมียของ สมีนิพนธ์ นั้นได้เริ่มเผยข้อมูลให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันมากขึ้น และหากมีการฟ้องร้องกันทุกคนที่ถูกระบุนั้นจะมีการถูกเปิดเผยตัวอย่างแน่นอน โดยผู้ร้องวอนให้สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้มีการเร่งตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินต่างๆ ภายในวัด รวมถึงการเคลื่อนไหวทางการเงินของทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจนว่า จำนวนเงินที่ได้ไปจากวัดป่าปฐมชัย ตกไปอยู่ที่ใคร เพราะในวัดไม่มีการจัดการวางระบบเรื่องการเงิน และกรรมการวัดอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ภาพที่ปรากฏขึ้นมาจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เชื่อมโยงของการหลบหนีไปโดยไม่มีการแจ้งอย่างชัดเจนว่า สมีนิพนธ์ ไปลาสิกขาที่ใด กับใคร และไม่มีภาพถ่ายยืนยันออกมาปรากฏให้เห็น และขณะนี้ยังไม่มีใครที่เคยพบ สมีนิพนธ์ ซึ่งแม่ชีในวัดได้ระบุว่า สมีนิพนธ์ ได้ออกจากวัดไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ หลังจากวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ได้ถูกคณะสงฆ์เรียกไปรับืราบข้อกล่าวหาหนัก

ขณะที่กระแสข่าวของชาวบ้านบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงวัดป่าปฐมชัย ตำบลหนองปากโลง อำเภอเมืองนครปฐม ต่างก็บอกว่า วัดนี้เป็นวัดปิดที่ไม่ค่อยมีชาวบ้านในพื้นที่เข้าไป เพราะมองว่าเป็นวัดที่เน้นรับแต่คนรวย โดยยังพบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง ทำให้ชาวบ้านไปทำบุญที่วัดอื่นแทน หลังจากอดีตที่ผ่านมา มีความเลื่อมใสศรัทธามาก จากนั้นวัดก็เงียบ มีเฉพาะข้าราชการระดับสูงที่จะเข้าออกกันบ่อยครั้งจนเป็นที่รู้กันในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวเพิ่มเติมในเรื่องของพระทองคำ และทรัพย์สินที่มีค่าทั้งหมด ซึ่งผู้นำท้องถิ่นได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 ก.พ.61 ช่วงก่อนที่คณะสงฆ์ที่สอบสวนจะมีการนำเอาเอกสารการพ้นตำแหน่งของอดีตพระนิพนธ์ หรือสมีนิพนธ์ โดยได้เข้าดูความเรียบร้อยในวัด ซึ่งมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า อยากให้เข้าไปดูพระทองคำ จำนวน 8 องค์ หนักองค์ละเกือบ 2 กิโลกรัม ว่ายังอยู่ภายในวัดหรือไม่ ปรากฏว่า ทางแม่ชี และคนในวัดไม่เปิดห้องพัก หรือเจดีย์ให้เข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด และในการเข้าตรวจสอบในวันดังกล่าว พบว่า แม่ชีได้แจ้งนำเอกสารมาให้ดูว่าเงินบัญชีของวัดนั้นมีเหลือเพียง 1 พันกว่าบาท แต่เงินสด จำนวน 5 แสนบาท ที่จะนำไปมัดจำในการซื้อที่ดินเพิ่มนั้นยังมีอยู่ แต่ขณะนี้ไม่รู้อยู่หรือไม่ และการบริหารวัดนี้เหมือนการบริหารแบบบ้าน ไม่ใช่วัดเพราะไม่มีคณะกรรมการในการจัดการบริการ

นอกจากนี้ ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงยังเผยอีกว่า ก่อนที่จะมีการเรียก สมีนิพนธ์ ไปรับแจ้งข้อกล่าวหาจากการร้องเรียนเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 61 ที่ผ่านมา ได้มีรถบรรทุกเข้ามาขนของออกจากวัดในช่วงเวลากลางคืนหลายครั้ง ซึ่งคิดว่า สมีนิพนธ์ น่าจะขนทรัพย์สินออกไปจนมั่นใจว่าจะตั้งหลักได้ก่อนจะหนีไปสึก หรือสร้างกระแสว่าสึกไปแล้วหรือไม่