ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจ สภ.แม่ปิง เชียงใหม่ คุมตัวผู้ต้องหาคดีแทงหนุ่มรถตู้ส่งฝากขังศาลจังหวัด เปิดปากเป็นเพื่อนสมัยนักเรียนมัธยมกับเมียผู้ตาย กลับมาเจอกันผ่านเฟซบุ๊กสานและติดต่อสัมพันธ์แนบแน่นจนนัดพบได้เสียกันและวางแผนก่อเหตุ ด้านเมียคนตายที่ถูกจับแล้วนำตัวไปชี้จุดนัดพบชู้รัก ก่อนพากลับมาสอบปากคำอย่างละเอียด พบหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งความเคลื่อนไหวคนตายและแจ้งผลก่อเหตุระหว่างผู้ต้องหาทั้งคู่
ความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุใช้มีดแทงนายศุภกร ยาวิชัยย์ อายุ 45 ปี อาชีพขับรถตู้รับจ้าง เสียชีวิตที่บริเวณที่จอดรถของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านวัดหนองป่าครั่ง กลางเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ก.พ. 61 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 สามารถติดตามจับกุมตัว นายบรรลือ อู่บุญทา อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี คนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) และในช่วงค่ำทางตำรวจได้ทำการขยายผลออกหมายจับ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือ น.ส.วาทิตา หรือพัฒน์ บุญต่อม อายุ 32 ปี ภรรยาของนายศุภกร หนุ่มขับรถตู้ผู้ตาย โดยสามารถจับกุมได้ในงานศพของนายศุภกรที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.พ.) พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายบรรลือ อู่บุญทา อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ส่งฝากขังศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยพบว่านายบรรลือมีสีหน้าท่าทางค่อนข้างเรียบเฉย โดยรายงานข่าวแจ้งว่าจากการสอบปากคำนายบรรลือได้ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังว่าได้รู้จัก น.ส.วาทิตา หรือพัฒน์ บุญต่อม สมัยเรียนชั้นมัธยม จากนั้นตัวเองได้ไปบวชเป็นพระที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาได้สึกออกมาและมีอาชีพรับจ้างทั่วไป จนกระทั่งเล่นเฟซบุ๊กพบกับ น.ส.วาทิตา เพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันมานานถึง 10 ปี จึงได้ติดต่อกันและได้เดินทางไปพบที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อพบเจอกันเป็นครั้งแรกและได้เสียกันเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 61 ที่บังกะโลแห่งหนึ่ง
จากนั้นยังได้ติดต่อกันเรื่อยมา ในขณะที่ น.ส.วาทิตาเองได้มีเรื่องทะเลาะกับสามีตลอดและได้ขอหย่ากับสามี แต่สามีไม่ยอมหย่า และยังคงส่งเสียเงินให้ครอบครัวตลอด กระทั่งล่าสุดได้มาเจอ น.ส.วาทิตาอีกครั้งในวันที่ 12-14 ก.พ. 61 ที่โรงแรมม่านรูด ซึ่ง น.ส.วาทิตาอ้างว่าตั้งท้อง และเกรงว่าสามีจะจับได้ จึงได้วางแผนกันก่อเหตุดังกล่าว
โดยหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงตัว น.ส.วาทิตานั้น จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุ น.ส.วาทิตาใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อพูดคุยกับผู้ตายจนทราบความเคลื่อนไหวของผู้ตายอย่างแม่นยำแล้วแจ้งให้นายบรรลือที่ดักรออยู่ทราบเพื่อลงมือ หลังจากที่นายบรรลือก่อเหตุแล้วตรวจสอบพบว่ามีการใช้โทรศัพท์มือถือโทร.ไปหา น.ส.วาทิตา ที่หมายเลขโทรศัพท์เดียวกับที่ น.ส.วาทิตาใช้โทร.หาผู้ตาย เพื่อแจ้งว่าก่อเหตุแล้วก่อนหลบหนี ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้เฟซบุ๊กของผู้ต้องหาทั้งสองคนยังพบข้อความการสนทนาติดต่อกันของทั้งคู่ รวมทั้งการวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้ามืดวันนี้ (26 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางไปรับตัว น.ส.วาทิตา ที่สถานีตำรวจภูธรเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งมีการนำตัวไปชี้จุดต่างๆ โดยเฉพาะบังกะโลที่พักที่ใช้เป็นสถานที่ในการนัดพบเจอกับนายบรรลือ จากนั้นจะควบคุมตัวนำกลับมาที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง