ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชุดสืบตำรวจเมืองเชียงใหม่แกะรอยสัญญาณจีพีเอสตามรวบพระและเณรกัมพูชาปักกลดอาศัยกินอยู่หลับนอนในป่าข้างทาง หลังเก็บโทรศัพท์มือถือของนักท่องเที่ยวชาวบราซิลได้แต่ไม่ยอมคืน อ้างตั้งใจเก็บไว้ใช้ ตรวจสอบพบเข้าเมืองผิดกฎหมายด้วย ส่งดำเนินคดี
ช่วงเย็นวานนี้ (22 ก.พ. 61) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ นำโดย พ.ต.ต.อานนท์ เชิดชูตระกูลทอง สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ร่วมกันจับกุมตัวนายทอง หรือพระทอง อาทิตย์ อายุ 27 ปี พระชาวกัมพูชา พร้อมด้วยสามเณรชาวกัมพูชาอีกจำนวน 5 รูป รวมทั้งยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอส 8 จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งจับกุมทั้งหมดได้ที่บริเวณป่าหญ้าริมทาง ใกล้สุสานบ้านสันทรายมูล ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวบราซิลว่าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอส 8 ของตัวเองได้หล่นหาย จึงพยายามติดตามสัญญาณจีพีเอสแล้วพบสัญญาณอยู่บริเวณริมถนนตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพงหญ้า และมีพระและสามเณรมาอาศัยปักกลดอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวน 8 รูป เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัญญาณอย่างมั่นใจแล้วจึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น
ทั้งนี้ หลังจากที่พระและสามเณรพบเห็นเจ้าหน้าที่ต่างพากันวิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตามสามารถจับกุมไว้ได้จำนวน 6 รูป โดยจากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองมา นอกจากนี้ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถืออยู่ในถุงย่ามของพระทอง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำไปสึกก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่
จากการสอบสวน นายทอง หรือพระทอง ได้ให้การว่า ตัวเองพร้อมกับพวกได้บวชเป็นพระและเดินทางมาจากเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มาพักอาศัยอยู่ในเชียงใหม่นานกว่า 15 วัน เพื่อบิณฑบาตหาเงินส่งกลับไปให้ทางบ้าน ซึ่งระหว่างการออกบิณฑบาตได้พบโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวตกอยู่ริมถนนใกล้กับประตูท่าแพในตัวเมืองเชียงใหม่จึงได้เก็บเอาไว้ใช้งาน แต่สุดท้ายมาถูกจับกุมตัว ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแก่ผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วน นายทอง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ หรือรับของโจรเพิ่มอีกหนึ่งคดี ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
