นครพนม - “ยายนุ้ย” เหยื่อกรมสรรพากรฟ้องเรียกภาษี 11.8 ล้าน วอนกรมสรรพากรเมตตาให้ความเป็นธรรมถูกขโมยนำเอกสารไปตั้งบริษัท ยันไม่รู้ไม่เห็น เผยชีวิตสุดรันทด ส่องเขียดขายเลี้ยงชีวิต ดูแลผัวป่วย เรียกร้องให้เอาผิดคนหลอกนำเอกสารทำนิติกรรมแทน
กรณี นางนุ้ย พรมราช อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 บ้านนาทาม ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกกรมสรรพากรฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง เพื่อเรียกเก็บภาษี เป็นเงินกว่า 11 ล้าน 8 แสนบาท เนื่องจากมีบุคคลนำเอกสารไปทำนิติกรรมจัดตั้งบริษัท ในนาม บริษัท รุ่งรุจี ซัพพลาย จำกัด แต่มีการเลี่ยงภาษี และมีชื่อเป็นกรรมการใหญ่ผู้มีอำนาจ จนถูกฟ้องร้องเรียกเก็บภาษี มีหมายศาลภาษีอากรกลางส่งมาถึงบ้านตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 และครบกำหนดยื่นคำให้การในวัน 23 ก.พ.61 ก่อนนัดสืบพยานไกล่เกลี่ย โดย นายประเวศน์ กันสุข ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครพนม ได้แต่งตั้งทนายความช่วยเหลือ ภายใต้การดูแลของกองทุนยุติธรรมจังหวัด
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.) นางนุ้ย พรมราช อายุ 57 ปี เล่าว่า หลังร้องทุกข์ผ่านสื่อ และมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ช่วยเหลือ ตนดีใจ รู้สึกมีความหวัง และขอขอบพระคุณทุกส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากไม่มีใครช่วยเหลือตนไม่รู้จะพึ่งใคร แต่ยังไม่สบายใจ วอนขอเมตตาจากกรมสรรพากรให้ความเป็นธรรม เพราะตนเชื่อว่าถูกหลอกนำเอกสารไปตั้งบริษัท ทั้งที่ตนฐานะยากจน ชีวิตรันทดต่อสู้กับสามี อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 2523
แต่ 4-5 ปี ที่ผ่านมาตนต้องแบกภาระในบ้านทุกอย่าง เพราะลูก 2 คนต่างออกจากบ้านไปหาทำงาน ได้ทิ้งหลานชายวัย 10 ขวบให้ดูแลตั้งแต่เกิด ภาระค่าใช้จ่ายตกที่ตน ทำงานรับจ้างรายวัน หาส่องกบส่องเขียดมาขาย มาทำอาหารเลี้ยงครอบครัว เพราะสามีป่วยโรคเกาต์ โรคหอบหืด ทำงานหนักไม่ไหว แต่ก็อดทนสู้มาตลอด
“แถมยังมีภาระหนี้สิน ธ.ก.ส.กว่า 2 แสนบาทกู้มาทำบ้านให้ลูกสาว แต่เขาไม่มีเงินจ่าย ต้องดิ้นรนจ่ายแค่ดอกเบี้ยเป็นรายปี สุดท้ายยังมาเจอปัญหาถูกฟ้องร้องอีก ตราบใดยังไม่ได้เอกสารยืนยันว่าเรื่องคดียุติ ฉันก็ยังไม่สบายใจ”
นางนุ้ยบอกอีกว่า ที่สำคัญตนได้ยืนยันไปแล้วว่ามีบุคคลเอาเอกสารของตนไปจริงเมื่อปี 2556 และเป็นคนในหมู่บ้านที่ตนรู้จัก คือ นางสาวนงลักษณ์ แก้วสว่าง อายุ 28 ปี นำเอกสารของผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนบ้านรวมกันกับตน อีก 5 ราย ถึงแม้เขาจะออกมาให้การปฏิเสธ แต่ตนขอยืนยันเป็นความจริง
อนึ่ง ในปี 2557 ก็เคยมีเอกสารกรมสรรพากรมาทวงหนี้ ตนก็ไปต่อว่า และสอบถามนางสาวนงลักษณ์ก็คำตอบว่า เอาไปให้ญาติที่กรุงเทพฯ ส่วนรายละเอียดไม่ทราบ และยังต่อว่าตนด้วยว่าไม่ต้องสนใจอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเรื่องก็จบเอง และไปร้องทุกข์ และเคยไปแจ้งความบันทึกเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.หลักศิลา มีหลักฐานยืนยันให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว จนกระทั่งเงียบไป เพราะไม่มีความรู้ ไม่มีเวลาวิ่งเต้น
“สุดท้ายก็มาเจอหมายศาลอีก จึงทนไม่ได้ออกมาร้องทุกข์ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งหาทางเอาผิดบุคคลที่นำเอกสารของฉันไปด้วย เพราะทำให้เดือดร้อน ไม่ให้เป็นเยี่ยงออย่าง และป้องกันไม่ให้ไปทำกับคนอื่นอีก”