เลย - ผู้ว่าฯ เลยจี้คณะกรรมการ 5 ฝ่ายเร่งตรวจสอบที่ดิน 5 แปลง 103 ไร่ติดกับไร่องุ่นชาโตว์ เดอเลยของ “เปรมชัย” ได้เอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกระบวนการใด ก่อนเสนอธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอน พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐานอีก 16 แปลงที่ออกโฉนดทับซ้อนผืนป่าที่ถูกเพิกถอนปี 46 เพื่อส่งพนักงานอัยการฟ้องศาลให้เร็วที่สุด
จากปัญหาบุกรุกป่าภูเรือของ นายเปรมชัย กรรณสูต และญาติพี่น้อง และก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน ป่าไม้ ที่ดิน ลงตรวจสอบที่ดินของบริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบุกรุกป่าดังกล่าว 5 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่ดิน ป่าไม้
ภายใต้กรอบการทำงานที่กำหนดไว้ 5 ประเด็น ที่ต้องเร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบ คือ 1. ที่ดินในเนื้อที่ 147 แปลง ที่ถูกเพิกถอน น.ส.3 ก., 2. ที่ดิน 16 แปลง ตรวจสอบการได้มาจากการเดินสำรวจของกรมที่ดินถูกต้องหรือไม่, 3. ที่ดิน 37 แปลง ที่เป็นโฉนด ตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ, 4. ตรวจสอบจุดพิกัดของ “รังเย็นรีสอร์ท” ว่าอยู่ในลุ่มน้ำชั้นเอและบี หรือไม่, 5. ที่ดิน 5 แปลง 103 ไร่ ของนายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งอยู่ติดกับไร่องุ่น ชาโตว์เดอเลย ต้องตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิได้มาอย่างไร
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.) นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้เผยถึงประเด็นการได้มาของที่ดินของนายเปรมชัยว่า ที่ดินจังหวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการได้รายงานว่า การออกโฉนดทำได้ 2 กรณี 1. การเดินสำรวจมีเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดินมาเดินสำรวจเพื่อบริการออกโฉนดให้พี่น้องประชาชน กรณีที่ 2 การออกโฉนดเฉพาะราย หมายถึงพี่น้องประชาชนแต่ละรายมายื่นที่สำนักงานที่ดิน
ซึ่งคณะกรรมการกำลังเข้าตรวจสอบที่ดินของนายเปรมชัยที่มีชื่ออยู่ในโฉนด 5 แปลง จำนวน 103 ไร่ ต้องตรวจพิสูจน์ให้ได้ว่าการออกโฉนด 5 แปลงนี้ได้มาจากกรณีใด มาจากการเดินสำรวจหรือมาจากการยื่นขอเฉพาะรายที่ละแปลง
ส่วนการได้มาจะชอบหรือไม่ชอบก็ขึ้นกับกระบวนการตรวจสอบ หากได้มาโดยมิชอบ ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดก็สามารถรายงานต่ออธิบดีกรมที่ดินเพื่อตั้งกรรมการพิจารณาเพิกถอน ซึ่งเป็นอำนาจตรงของอธิบดีกรมที่ดิน ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎหมายที่ดินในมาตรา 61 ที่เรียกว่า อำนาจการเพิกถอน ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ จะเป็นแปลงไหน ที่ไหน ของใคร ถ้าเข้าเงื่อนไขอธิบดีก็สามารถใช้อำนาจดำเนินการตามกฎหมายได้
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ขณะนี้คณะกรรมการทั้ง 5 ฝ่ายได้เดินหน้าตรวจสอบในเรื่องของที่ดินที่ถูกกล่าวหา ที่ได้กล่าวโทษร้องทุกข์ในที่ดิน 6,229 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่ดินที่ถูกเพิกถอน น.ส.3 ไปแล้วเมื่อปี 2546 แล้วมีร่องรอยการเข้าไปทำประโยชน์ ประเด็นนี้เจ้าพนักงานป่าไม้เชื่อว่ามีการบุกรุกจริง กรณีที่ 2 การนำเอกสารสิทธิ การนำชี้ การแจ้งข้อความเพื่อให้ได้โฉนด
ตามแผนที่เชื่อว่ามีการทับซ้อนกับที่ดินที่มีการเพิกถอนไปในจำนวน 16 แปลง ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เจ้าพนักงานที่ดินร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ในกรณีที่ว่าไม่ใช่ที่ดินของตนกลับนำมาออกโฉนด
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้วใน 2 ประเด็น คือ บุกรุก กับเอกสารสิทธิได้มาโดยมิชอบ คณะกรรมการต้องเร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อนำส่งพนักงานอัยการฟ้องร้องต่อไป