เลย- ผู้ว่าฯ เลยจ่อยกเลิกโฉนดที่ดินภูเรือร่วม 6,000 ไร่ ของครอบครัวกรรณสูตหลังลงพื้นที่ตรวจพบออกโฉนดที่ดินในป่าแปลงใหม่ทับซ้อนผืนที่ถูกสั่งเพิกถอนไปแล้ว ด้านภาคประชาชนซัดเจ้าหน้าที่รัฐ 2 มาตรฐานยึดคืนที่ดินธรรมกายแต่ไม่ยึดของตระกูล “กรรณสูต”ทั้งที่อยู่ในเขตป่าผืนเดียวกันและอยู่ติดกัน
ภายหลัง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการบุกรุกป่าของตระกูลกรรณสูตในท้องที่ อ.ภูเรือ โดยคณะกรรมการ มีทั้งหมด 5 ฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่ดิน ป่าไม้ เพื่อเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ล่าสุด วันนี้( 17 ก.พ.)คณะกรรมการฯได้ลงตรวจสอบพื้นที่ปัญหา พบว่าการออกโฉนดที่ดินมีการทับซ้อนกับแปลงที่กรมป่าไม้ได้สั่งเพิกถอนไปเนื้อที่ 6,215 ไร่ และทางบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ขอออกโฉนด จำนวน 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ไม่ใช่ของตนเองมาออกโฉนดทับซ้อนกับที่ดินที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ในตอนนี้คณะกรรมการทำงานประสานกับป่าไม้ ไปตรวจนับว่า ต้นไม้มีเท่าไร สิ่งปลูกสร้างมีลักษณะเป็นอย่าง มีกี่มากน้อย และให้ทำแผนที่ออกมา เมื่อทำแผนที่ออกมาแล้ว คาดว่า ในวันอังคารนี้จะนัดประชุมว่า สิ่งที่พนักงานป่าไม้ตรวจนับและสิ่งปลูกสร้างจริงมันมีอยู่เท่าไร อยู่ในแผนที่เท่าไร แล้วเอามาใส่ในแผนที่ เมื่อมาใส่ในแผนที่คณะกรรมชุดนี้ ก็จะติดตามกับพนักงานสอบสวน ถ้าไม่ได้ข้อมูลก็จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยาน หลักฐาน เอกสาร เพื่อนำส่งพนักงานงานอัยการ
ส่วนในกรณีปัญหาการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนที่ดินแปลงที่ถูกเพิกถอนไปแล้วนั้น ทางคณะกรรมการได้สำรวจเบื้องต้นพบความจริงที่เชื่อได้ว่า ที่ดินใน 6,000 ไร่ที่มาออกโฉนดภายหลัง พบเป็นพื้นที่ที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาแบบนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิสูจน์ว่าจริงไหม
ถ้าจริงต้องเสนอให้ท่านอธิบดีแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาการเพิกถอน เพราะอำนาจการถอดถอนโฉนดเป็นอำนาจของอธิบดี
รายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า ในวันเดียวกันนี้ กลุ่มรักษ์เมืองเลย และเครือข่ายภาคประชาชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย ร่วมกับ สมัชชาประชาชนภาคอีสานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย นำโดยนายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ได้ออกสำรวจพื้นที่ที่ดินของตระกูล กรรณสูต พบมีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ลักษณะ 2 มาตรฐาน
นายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว แกนนำภาคประชาชนเปิดเผยว่า หลังจากทางกลุ่มได้ตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตรู้เห็นเป็นใจ ปล่อยปละละเลยทั้งๆที่มีคำสั่งออกมากว่า 10 ปีให้มีการเพิกถอน ตามกฏหมายผู้ครอบครองต้องออกจากพื้นที่ และไม่จำเป็นด้วยซ้ำไปว่ามีคำสั่งให้ออก เพราะพื้นที่จริงๆเป็นภูเขาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับ นส.3 หรือโฉนดเลยก็ได้ การที่พื้นที่เป็นภูเขาจะออกโฉนดไม่ได้
อย่างกรณีล่าสุดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ภาคประชาชนก็มีความคาดหวังที่มีหน่วยงานมาจับการบุกรุกป่า อย่างกรณีที่ดินของวัดธรรมกาย ซึ่งมีพื้นที่ติดกันในเขตอำเภอภูเรือ เป็นที่ดินแปลงเดียวกันที่ถูกเพิกถอนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะป็นป่าพื้นเดียวกัน คือป่าภูหมี ภูขี้นาค ในเขตภูเรือวโนทยาน เป็นพื้นที่ติดกันซึ่งมีชื่อเป็นทางการ ป่าภูเรือ ภูเปลือย ภูขี้เถ่า โดยกลางปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจยึดที่ดินแปลงดังกล่าวของธรรมกาย เป็นที่ดินแปลงเดียวกันรั้วติดกัน
นั่นเท่ากับว่าเจ้าหน้าที่รัฐเลือกที่จะยึดพื้นที่ป่าคืนจุดหนึ่ง แต่แปลงที่รุกป่าอยู่ติดกันกลับปล่อยให้ลอยนวล ทั้งๆก็เป็นที่ดินที่ถูกเพิกถอนมา 20 ปีพร้อมกัน ถือได้ว่าเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและไม่ดำเนินการ มีแต่คิดปกป้องที่ดินของกลุ่มนายทุนใหญ่เท่านั้น