เลย - หารือเครียดกรรมการ 5 ฝ่ายสางปัญหาที่ดิน “กรรณสูต” ใน อำเภอภูเรือ-ด่านซ้าย ได้มติกำหนดกรอบเร่งสางปมถือครองที่ดินของ บ.ซีพีเค และนายเปรมชัยทั้ง 5 จุดได้เอกสารสิทธิและโฉนดมาอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ โดยรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบให้ผู้ว่าฯ ทราบทุก 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (21 ก.พ.) ที่ห้องประชุมภูเรือชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเลยได้มีการประชุมคณะกรรมการการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการบุกรุกป่าท้องที่อำเภอภูเรือ-ด่านซ้าย 5 ฝ่าย ประกอบด้วย ป่าไม้ ที่ดิน ตำรวจ ปกครอง ทหาร โดยมีนายพรชัย ถมกระจ่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานกรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
ในที่ประชุมได้กำหนดกรอบการทำงานเพื่อการพิจารณาตรวจสอบที่ดินผืนป่าของบริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 ที่ดินในเนื้อที่ 147 แปลง ที่ถูกเพิกถอน น.ส.3 ก 2. ที่ดิน 16 แปลงต้องตรวจสอบการได้มาจากการเดินสำรวจของกรมที่ดินว่าถูกต้องหรือไม่ 3. ที่ดิน 37 แปลง ที่เป็นโฉนด ต้องตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ 4. ตรวจสอบจุดพิกัดของ รังเย็นรีสอร์ท ว่าอยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นเอและบีหรือไม่ และ 5. ที่ดิน 5 แปลง 103 ไร่ ของนายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งอยู่ติดกับไร่องุ่น ชาโตว์ เดอเลย ตรวจพิสุจน์ว่าเอกสารสิทธิได้มาอย่างไร
นายพรชัย ถมกระจ่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาอีก 1 ชุด มีทั้งหมด 17 คน ตรวจสอบแปลงที่ดินในผืนป่าทั้ง 5 จุดดังกล่าวเพื่อให้ได้ข้อมูลเนื้อที่เขตบริเวณที่ดินที่เป็นปัญหาทั้ง 5 จุด โดยจุดที่ตั้งทั้ง 5 จุดอยู่ในพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ปี พ.ศ. 2484 แต่ทั้งนี้เคยมีข้อโต้แย้งว่าพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ปี 2484 มีมติ ครม.ปรับปรุงอยู่หลายฉบับว่าเกี่ยวกับมติให้จำแนกพื้นที่เป็นป่าถาวร หรือเป็นป่าที่ยกให้ราษฎรทำกิน หรือยกเป็นที่ป่าชุมชน
ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียดในเรื่องของพื้นที่ป่า ปี 2484 พื้นที่ดังกล่าวมีข้อยกเว้นหรือไม่ ดังนั้น ในที่ประชุมจึงมีมติให้ทางกรมพัฒนาที่ดินจังหวัดสอบถามและเช็กข้อมูลที่ดินตรงกรอบแนวทาง 5 จุด โดยจะทำหนังสือสอบถามจากกรมพัฒนาที่ดินให้ชัดเจนก่อนเพื่อความถูกต้องกับทุกฝ่าย โดยจะเร่งการทำงานให้เร็วที่สุด พร้อมกับรายงานผลการดำเนินการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยทราบทุกๆ 7 วัน
“การทำงานขณะนี้จะทำควบคู่กันไป 2 แนวทาง คือ การดำเนินการภาคสนามร่วมกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่ดิน เพื่อหาพิกัดเดินสำรวจแผนที่ให้ตรงกัน ขณะที่หน่วยงานกรมป่าไม้ในพื้นที่เลยก็ติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีหลังจากมีการร้องทุกข์เอาผิดผู้ครอบครองไปก่อนหน้านี้แล้ว” นายพรชัยกล่าว และย้ำว่า จากการนัดประชุมวันนี้ได้ข้อสรุปหลายประเด็น คือ 1. ต้องปรับปรุงคณะกรรมการ 2. การกำหนดพื้นที่และการกำจัดพื้นที่เพื่อการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้มีขอบเขตแค่ไหน 3. หาตำแหน่งพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ตำแหน่งใด 4. พื้นที่หน่วยไหนใครรับผิดชอบ
ทั้งการออกโฉนด น.ส.3 หรือพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่เป็นพื้นที่ป่าปี 2484 ที่เป็นหัวข้อที่เร่งสรุปกรอบทำงานของคณะกรรมการ