ลำปาง - ผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านเมืองมายรวมกลุ่มให้ข้อมูลผ่านสื่อ หลังปักหลักตั้งรกรากกันมาตั้งแต่ปี 2487 จนถึงวันนี้ยังได้โฉนดที่ดินไม่ครบ แถมบางหลังรัฐออกโฉนดให้เฉพาะห้องครัว ส่วนห้องนอนไม่ได้ บอกอยู่เขตป่า บางหมู่บ้านได้เอกสารสิทธิแบบหลังเว้นหลัง จนผวาถูกทุบ-รื้อทิ้งกันทั่ว
บรรดาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ ส.อบต.เมืองมาย ได้รวมตัวกันให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวที่ อบต.เมืองมาย 208 หมู่ 5 ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เกี่ยวกับปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเมืองมาย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของชาวบ้านขณะนี้ เนื่องจากวิตกกังวลว่าทางรัฐบาลจะมารื้อบ้าน-ยึดที่ทำกิน ที่อยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษไป
หลังทางราชการให้ชาวบ้านนำเอกสาร ส.ค.1 หรือเอกสารอื่นๆ ที่แสดงความเป็นผู้ครอบครองที่ดิน คืนให้ทางราชการ โดยบอกกับชาวบ้านว่า “จะมีการออกมารังวัด และออกโฉนดให้” แต่ปรากฏว่าเอกสารถูกยึดไปทั้งหมด และมีการออกโฉนดให้เฉพาะบ้านบางหลัง ทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ที่สร้างความมึนงงให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ก็คือ บ้านหลังหนึ่ง เมื่อรังวัดแล้วกลับพบว่าห้องครัวสามารถออกโฉนดได้ แต่ห้องนอนไม่สามารถออกโฉนดได้ โดยระบุว่าเป็นป่าสงวน นอกจากนี้ยังมีการออกโฉนดให้ลักษณะหลังเว้นหลัง
ล่าสุดขณะนี้ทั้งตำบลเมืองมายเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินให้ชาวบ้านเพียง 20% ของบ้านเรือนทั้งหมด 863 หลังคาเรือน ประกอบด้วย บ้านแม่เบิน หมู่ที่ 1 ชาวบ้านมาอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 ปัจจุบันมีประมาณ 73 ครังเรือน (ไม่สามารถออกโฉนดได้ทั้งหมด) บ้านนาไหม้ หมู่ที่ 2 บ้านนางาม หมู่ที่ 3 บ้านไผ่งาม หมู่ที่ 4 บ้านไผ่แพะ หมู่ที่ 5 และบ้านไผ่ทอง หมู่ที่ 6 (ชาวบ้านได้โฉนดบางส่วน)
นายไสว ลาภเกิด นายก อบต.เมืองมาย พร้อมด้วย ว่าที่ ร้อยตรี อรุณศักดิ์ ปัญญายืน ปลัด อบต.เมืองมาย พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่นทั้งหมด ยังได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบภายในหมู่บ้าน และสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ บ้านหมู่ 6 และหมู่ 1
โดยเริ่มต้นที่บ้านของนายเสาร์แก้ว หน่อคำ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 ม.6 บ้านไผ่ทอง ซึ่งเล่าให้ฟังว่า ตนเข้ามาอยู่ในที่ดินผืนนี้ตั้งแต่เป็นที่รกร้างเมื่อกว่า 20 ปีก่อน เหมือนๆ กับคนอื่นๆ ที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ และมีการสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยโดยที่ไม่มีเอกสารสิทธิ
ต่อมาทางการออกมารังวัด บ้านของตนได้โฉนดเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหลังไม่ได้ ทำให้ห้องครัวมีโฉนด แต่ห้องนอนไม่มีโฉนด ตนเครียดมากกลัวทางการจะมายึดที่ ทำให้ตัดสินใจรื้อบ้านออก ขณะนี้เหลือเพียงยุ้งข้าวเท่านั้น ซึ่งตนอยากให้ทางการมาสำรวจใหม่ และออกเอกสารสิทธิให้ เพื่อจะได้ใช้ยืนยันว่าตนกับลูกๆ จะได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ตลอดไป ไม่ต้องหวาดระแวงเหมือนทุกวันนี้
นายเสาร์ได้ชี้ให้ดูบ้านที่อยู่รอบบ้านของตน พร้อมบอกว่า บ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบได้โฉนดทั้งหมด ยกเว้นบ้านของตนที่ได้ครึ่งหลังเท่านั้น
เช่นเดียวกับบ้านของนายจันทร์ ตั้งเซิง, นายสมบูรณ์ ธรรมสุข และนายฤทธิ์ เกิดผล อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ซึ่งขณะนี้เป็นอัมพฤกษ์ ได้เล่าให้ฟังว่า ในละแวกเดียวกันมีเพียงบ้านของพวกตนที่อยู่ติดกันประมาณ 4 หลังที่ไม่สามารถออกโฉนดให้ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีเอกสาร ส.ค.1 ซึ่งอยู่อาศัยมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่เมื่อทางการมารังวัดกลับบอกว่า “ออกโฉนดให้ไม่ได้..ให้รอ”
พวกตนก็แปลกใจ เพราะบ้านโดยรอบได้โฉนดทั้งหมด แต่ทำไมมีการออกโฉนดให้ชาวบ้านลักษณะบ้านเว้นบ้าน และบ้านที่ปลูกใกล้ป่าก็ยังสามารถออกโฉนดให้ได้ แต่บ้านของตนอยู่ติดถนนกลับออกโฉนดให้ไม่ได้ จนตกอยู่ในภาวะหวาดระแวง เพราะเห็นข่าวที่จังหวัดอื่นที่มีการยึด การทุบบ้านทิ้ง ก็เกรงว่าบ้านของตนที่อยู่กันมานานจะถูกยึดและทำลายทิ้ง
“เมื่อถึงวันนั้นครอบครัวจะไปอยู่ที่ไหน เพราะอยู่ที่นี่มาโดยตลอด จึงอยากวิงวอนให้ทางการเร่งดำเนินการออกโฉนดให้ชาวบ้านให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากชาวบ้านทุกข์ใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้”
ขณะที่นายไสว ลาภเกิด นายก อบต.เมืองมาย บอกว่า แม้แต่บ้านของตนที่พักอาศัยในปัจจุบันก็ไม่ได้โฉนดเช่นเดียวกัน ซึ่งทางราชการก็บอกให้ชาวบ้านรอมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป ซึ่ง อบต.ก็ได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะการเข้าไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น การซ่อมแซมถนนที่เชื่อมหมู่บ้านบนดอยสูง ถนนชำรุด ชาวบ้านเดินทางลำบาก ยิ่งฤดูฝนเข้าออกแทบไม่ได้ ผู้ปกครองที่ต้องเดินทางมาส่งลูกหลานมาโรงเรียนยิ่งลำบาก
“ทั้งที่มีงบประมาณ อบต.จะเข้าไปซ่อมแซมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางการบอกว่าเป็นเขตป่า ถนนในหมู่บ้านแม่เบิน ซึ่งเป็นเส้นทางไปสุสาน และเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเดินทางออกไปยังอำเภอเมือง น้ำเซาะใต้ดินถนนก็เริ่มทรุด จะเข้าไปซ่อมแซมก็ทำไม่ได้ เพราะหากนำเครื่องจักรเข้ามาปรับก็จะถูกจับ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทาง อบต.เคยแจ้งให้ผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบได้รับทราบมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข หรือมีความคืบหน้าแต่อย่างใด”