ตาก - ผบก.ภ.ตากยันคดีแพะคอลเซ็นเตอร์ใกล้เสร็จ ล่าสุดพนักงานสอบสวน-ชุดสอบสวน รวบรวมหลักฐาน ตรวจวงจรปิด ลายเซ็นสาววัย 24 แล้ว คาดกุมภาฯ นี้ส่งอัยการพิจารณาได้ “ณิชา” สุดดีใจ ตำรวจได้ตัวคนใช้บัตรประชาชนเปิดบัญชีแบงก์ ขอบคุณ ผบ.ตร. เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย แบงก์ช่วยคลี่คลายคดี
วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บัตรประชาชน น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ เปิดบัญชีธนาคาร 9 บัญชี 7 แบงก์ หลอกเหยื่อโอนเงิน ซึ่งมีผู้เสียหายชาว จ.ตากแจ้งความไว้ว่า ชุดทำงานสอบสวน และสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดตากได้ลงพื้นที่สอบสวนธนาคารในกรุงเทพมหานคร 5 ธนาคารที่ น.ส.ณิชาอ้างว่าคนร้ายลอบนำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชี
โดยชุดสอบสวนได้สอบปากคำพนักงานธนาคารวันที่รับเปิดบัญชีในชื่อ น.ส.ณิชา รวมทั้งสอบสวนพนักงานเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีทั้งหมด นอกจากนี้ตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดของธนาคารทุกแห่งว่าเป็นหญิงลักษณะอำพรางใบหน้าว่าเป็นคนร้ายตัวจริงใช่หรือไม่ และที่สำคัญได้มีการตรวจสอบลายเซ็นของทุกบัญชีของ น.ส.ณิชา กับของคนร้ายว่าเป็นของใครกันแน่
จากนั้นได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบแล้ว ซึ่งก็ต้องรอผลตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งหมายถึงคดีคืบหน้าใกล้สมบูรณ์แล้ว คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งพยานหลักฐาน และพยานบุคคลที่ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมได้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ สามารถส่งให้อัยการจังหวัดฯ พิจารณาส่งฟ้องหรือไม่
ผบก.ภ.จว.ตากกล่าวอีกว่า ส่วนที่ สน.หลักสอง กทม. ได้จับกุม น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ อายุ 31 ปี ที่นำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเดอะมอลล์ โดยพาเด็กไปด้วย และให้การรับสารภาพว่าได้รับการติดต่อมาจากนางสาวแอน ซึ่งเป็นแฟนกับนายไซม่อน หนุ่มชาวไนจีเรีย ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีธนาคารต่างๆ 5 บัญชี ในราคา 10,000 บาท แต่ได้รับเงินจริง 4,000 บาท ส่วน น.ส.แอน อยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทางตำรวจภูธรจังหวัดตากก็จะได้ส่งพนักงานสอบสวนไปประสาน สน.หลักสอง กทม. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของ น.ส.ณิชาที่เกิดขึ้นท้องที่ สภ.บ้านตากหรือไม่
ในส่วนของผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนที่ผู้เสียหายคือ นางการต์สิณี ยะเมา ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร คือ นายขวัญ ทองน้อย ชาวลพบุรี และนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ชาวจังหวัดหนองคาย ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมาให้ปากคำ แต่ทั้ง 2 คนยังไม่มาพบ และกำลังออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หากยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนอีกก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งก็ต้องพิจารณาตามความเป็นจริงต่อไป
ด้าน น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ กล่าวว่า ดีใจมากหลังรู้ข่าวตำรวจสามารถจับกุม น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ ผู้ต้องหาในภาพถ่ายที่ทางธนาคารบันทึกไว้ได้ ขณะนำบัตรประจำตัวประชาชนของตนที่ถูกขโมยไปเปิดบัญชีธนาคารได้แล้วนั้น ซึ่งจะทำให้คดีได้คลี่คลายไปในทางที่ถูกต้อง ตำรวจจะได้ทำงานง่ายขึ้น ทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีความครบถ้วน ความจริงจะได้ปรากฏว่า ตนไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ
ส่วนข้อสงสัยที่เคยมีการตั้งประเด็นว่ากลุ่มคนร้ายสามารถติดต่อตนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่รู้จักกลุ่มคนร้าย และตนมีเบอร์โทรศัพท์เพียงหมายเลขเดียวที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ส่วนอีก 4 หมายเลขนั้นคนร้ายได้นำบัตรประชาชาที่ขโมยไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่ และนำไปใช้หลอกลวงเหยื่อที่เคราะห์ร้าย ซึ่งหลังจากที่ตนทราบก็ไปยกเลิกการใช้งาน โดยมีหลักฐานการแจ้งความบันทึกประจำวันที่ สภ.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อ 16 ธ.ค. 60 ที่ผ่านมา
น.ส.ณิชายังได้กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนทุกหน่วย รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองปราบปราม ธนาคารทุกแห่ง ที่ให้ความร่วมมือมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้แก่ตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายตัวต้นเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“หากมีโอกาสดิฉันก็อยากจะไปพบท่านพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อกราบขอบคุณในความเมตตาที่ท่านได้ให้ความห่วงใยในคดี และมอบหมายให้ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือคลี่คลายคดีได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว”