MGR Online - ผบช.ภ.6 ระบุ พนักงานบริษัทเอกชนยังตกเป็นผู้ต้องหา กรณีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประจำตัว ปชช. ไปเปิดบัญชี พบผู้เสียหายโอนเงินจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เข้าบัญชีผู้ต้องหา รวมทั้งจะต้องสอบกับทางธนาคารด้วยว่าบัญชีที่มีการโอนเงินผิดปกตินี้ ใครเป็นคนมาเปิดบัญชี
วันนี้ (11 ม.ค.) เวลา 15.30 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.6 เปิดเผยกรณี นางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประจำตัวประชาชน ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ก่อนมีการโอนเงินเข้าออกหลายครั้งผิดปกติ ว่า ขณะนี้ได้มีการสั่งให้ตรวจสอบบัญชีทั้งหมดแล้ว โดยทราบว่า ผู้เสียหายที่โอนเงินจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เข้าบัญชีชื่อของ นางสาวณิชา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้พนักงานสอบสวนรายงานรายละเอียดของบัญชีอยู่
เบื้องต้นได้มีการตั้งพนักงานสอบสวนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังถือว่านางสาวณิชายังคงเป็นผู้ต้องหาอยู่ หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็พร้อมที่จะสั่งไม่ฟ้อง ส่วนบัญชีที่มีการโอนเงินที่ผิดปกติอีกสองบัญชีของ นายขวัญ ทองน้อย กับ นายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ เชื่อว่า สองคนนี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก วันนี้จะมีการออกหมายเรียกมาสอบปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เมื่อมาให้การแล้ว สอบสวนเสร็จสิ้นกระบวนการ พบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหา เบื้องต้นไม่ได้รับการประสานจากบุคคล 2 คนนี้ รวมทั้งจะต้องสอบกับทางธนาคารด้วยว่าบัญชีที่มีการโอนเงินผิดปกตินี้ ใครเป็นคนมาเปิดบัญชี
สำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีการรับเปิดบัญชีโดยไม่ได้ตรวจสอบลักษณะบุคคลกับบัตรประจำตัวประชาชนเป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น ก็จะต้องดูระเบียบของธนาคารก่อน ว่า มีการกำหนดระเบียบอย่างไร ถึงจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารบกพร่อง ทั้งนี้ หากบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใดหาย ขอให้รีบแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพราะจะเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักพอที่จะนำมาประกอบสำนวนคดี กรณีที่สถานีตำรวจในพื้นที่ไม่รับแจ้งความบัตรประจำตัวประชาชนหาย ขอให้แจ้งผู้บังคับบัญชาของสถานีตำรวจนั้น