ตาก - โผกอดกันร่ำไห้หน้าเรือนจำกลางตาก หลังศาลอุธรณ์ภาค 6 ให้ประกันสาวถูกล้วงกระเป๋า ก่อนตกเป็นแพะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บัตร ปชช.-ปลอมลายมือชื่อ เปิดบัญชีลวงเหยื่อโอนเงิน โดนจับติดคุก 2 คืน 3 วัน เผยเตรียมฟ้อง 7 แบงก์ฐานไม่ตรวจสอบ จนได้รับผลกระทบยิ่งใหญ่ในชีวิต
วันนี้ (8 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกง หลังถูกคนร้ายล้วงกระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรประจำตัวประชาชน บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ ขณะเดินทางไปทำงาน ต่อมาคนร้ายได้นำบัตรประชาชนไปขอเปิดบัญชีธนาคารจำนวน 7 แห่งรวม 9 บัญชี แล้วหลอกให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ณิชา จากนั้นก็เบิกเงินหลบหนีไปทำให้ น.ส.ณิชาเป็นผู้รับเคราะห์แทน มีเจ้าทุกข์เป็นเหยื่อผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านตาก จ.ตาก
โดยพนักงานสอบสวน สภ.บ้านตาก จ.ตาก ประสานตำรวจกองปราบปรามติดตามตัวได้ และควบคุมตัวขออำนาจศาลจังหวัดตากฝากขังเป็นผัดแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2561 ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากกลัวผู้ต้องหาหลบหนี
ต่อมา น.ส.ปุญญาดา ก๊กมาศ อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้เป็นพี่สาว ได้แต่งตั้งนายจิระศักดิ์ สุดสังข์ ทนายความ ขอยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นศาล เป็นครั้งที่ 2 ที่ศาลจังหวัดตาก ในวันนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งศาลฯ ได้พิจารณาไม่รับคำร้องของผู้ขอยื่นคำพิจารณา คือไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากกลัวผู้ต้องหาหลบหนี
นายจิระศักดิ์เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดตากได้พิจารณาเห็นชอบไม่ให้ประกันตัว น.ส.ณิชา ซึ่งก็ต้องเคารพในการพิจารณาของศาล จึงได้ปรึกษากับญาติของ น.ส.ณิชา นำหลักฐานใหม่ทั้งการแจ้งยกเลิกบัญชีธนาคารทั้ง 7 แห่ง 9 บัญชีที่ถูกมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนและปลอมแปลงลายมือชื่อของ น.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงเหยื่อ พร้อมกับสำเนาร้องทุกข์ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงเดือนธันวาคม 2560 นำมาเป็นหลักฐานประกอบคำร้องยื่นศาลอุธรณ์ภาค 6 จ.นครสวรรค์ พิจารณาให้ประกันตัวผ่านศาลจังหวัดตาก
กระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา ศาลอุธรณ์ภาค 6 ได้พิจารณาให้ประกันตัว น.ส.ณิชา ในวงเงิน 80,000 บาท โดยพิจารณาหลักฐานตามที่ได้นำเสนอ เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี
โดยข้อเท็จจริงที่ทางทนายและญาติได้นำเสนอ ต่างจากพนักงานสอบสวนที่ระบุว่ามีการจับกุมตัว น.ส.ณิชา ที่บ้านพัก แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากที่นางสาวณิชาทราบข่าวจากตำรวจกองปราบปรามว่ามีหมายจับ น.ส.ณิชาก็ได้เดินทางไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมนำหลักฐานที่ได้แจ้งความเรื่องการถูกปลอมแปลงเอกสารไปเปิดบัญชีธนาคาร แต่พนักงานสอบสวนเพิกเฉยต่อหลักฐานดังกล่าว อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ และทำบันทึกจับกุมส่งฟ้อง ฝากขังทันที
ต่อมาในเวลา 17.30 น. เรือนจำกลางจังหวัดตากจึงได้ปล่อยตัว น.ส.ณิชา ตามคำสั่งศาลอุธรณ์ภาค 6 จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเมื่อ น.ส.ณิชาได้พบพี่สาวและญาติที่มารอรับอยู่ที่หน้าประตูเรือนจำกลางจังหวัดตาก ต่างก็โผกอดร่ำไห้ไปด้วยกันทันที
น.ส.ณิชายืนยันว่า ตนเป็นผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี โดยธนาคารไม่ได้ตรวจสอบให้ดี ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ หน้าที่การงาน ตกเป็นแพะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยที่ไม่มีส่วนรู้เห็น จนถูกดำเนินคดีและต้องถูกขังในเรือนจำถึง 2 คืน 3 วัน หลังจากนี้จะต้องฟ้องร้องธนาคารทั้ง 7 แห่งที่ทำให้ตนได้รับผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแบบนี้