ลำพูน - สุดจะทนแล้ว! พ่อแม่ชาวลำพูนโร่แจ้งตำรวจ ลูกชายบังเกิดเกล้าวัย 46 ปี เลิกเมียกลับมาอยู่บ้าน ติดเกมพนันออนไลน์ ไม่ยอมทำงานทำการ ไถเงินทุกวันไม่พอยังทำร้าย-ขู่ฆ่าซ้ำ ล่าสุดขอเงินไปเล่นอีก พอไม่ได้รัวหมัดใส่ไม่ยั้ง อ้างพ่อแม่เป็นหนี้ตัวเองหน้าตาเฉย
ร.ต.อ.ไพศาล กัญญาจารี เจ้าหน้าที่วิทยุสื่อสารจามเทวี สภ.เมืองลำพูน ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลูกชายทำร้ายร่างกายพ่อแม่ ย่านถนนสันเหมืองเหนือ อ.เมืองลำพูน เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 ม.ค.) จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเชิญตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ
โดยนายกต (นามสมมติ) อายุ 65 ปี พร้อมด้วยภรรยา นางเยา (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี บ้านพักอยู่ย่านถนนสันเหมืองเหนือ ตำบลในเมือง เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า บ่อยครั้งที่ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือ และเดินขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่นเพราะถูกลูกชายพยายามทำร้ายร่างกาย และข่มขู่
นายกตบอกอีกว่า ตนมีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ตลาดสด มีลูกชายอายุ 46 ปีแล้ว ตอนแต่งงานตนก็จัดการจัดงานแต่งให้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนพ่อแม่ทั่วไป ต่อมาลูกชายเลิกกับภรรยาก็มาอยู่บ้าน ไม่ได้ทำงานอะไร เมื่อก่อนก็มาช่วยขายหวยบ้าง แต่ตอนหลังไม่ช่วย เอาแต่เล่นเกมออนไลน์จนติดเกมงอมแงม เล่นกาสิโนออนไลน์ โดยตนให้เงินใช้ช่วงเช้า 300 บาท เย็นอีก 300 บาท รวมเป็นวันละ 600 บาทให้ทุกวัน แต่ก็ไม่พอใช้
นอกจากนั้น บ่อยครั้งก็จะขออีกครั้งละ 1,000 บ้าง 5,000 บ้าง จนเคยทะเลาะกันหลายเรื่อง กลางปีที่ผ่านมาก็เคยนัดกันที่โรงพักเพื่อลงบันทึกประจำวัน จากการที่ลูกชายตัวแสบคนนี้ขอเงิน 150,000 บาท ตนก็ให้ไปเพื่อตัดปัญหา แต่ก็ยังพักอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน และมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทำร้ายร่างกาย แถมขู่ฆ่าตนกับภรรยาซึ่งเป็นพ่อเป็นแม่แท้ๆ ด้วย เป็นที่ทราบกันดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเพราะต้องไปห้ามอยู่บ่อยครั้ง
“ล่าสุดก็ช่วงค่ำที่ผ่านมา (9 ม.ค.) ลูกชายก็มาขอเงินไปเล่นเกมออนไลน์ พอไม่ได้ก็เกิดทะเลาะกันขึ้นมาอีก จนทำร้ายร่างกายตนและแม่แท้ๆ ของเขา โดยอ้างว่าพ่อแม่เป็นหนี้เขาอยู่ ก็ไม่ทราบว่าเป็นหนี้อะไร”
สอบถามลูกชายบังเกิดเกล้าบอกว่า ไม่ได้ทำงานอะไร ยอมรับว่าติดเกมพนันออนไลน์ประเภทกาสิโน เล่นได้เสียวันละประมาณ 2,000 บาท เคยได้สูงสุดหลักหมื่น แต่เสียสูงสุดแสนกว่าบาท นอกจากนั้นยังอ้างว่า พ่อกับแม่เป็นหนี้ตน โดยได้เงินจากโควตาขายลอตเตอรี่ของตน รวมถึงเงินที่ตนฝากไว้ เมื่อถามว่าฝากไว้เท่าไหร่ก็อ้างว่าเยอะแต่ไม่ทราบจำนวน เป็นการพูดคุยวกไปวนมา
หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจฉี่ตามความประสงค์ของพ่อแม่แล้วลงบันทึกประจำวันไว้ และส่งพ่อแม่ไปตรวจร่างกายเพื่อดำเนินการต่อไป