นครปฐม - เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เรียกหลวงพี่น้ำฝนชี้แจง “กระเป๋าเพิ่มพูนทรัพย์” แล้ว คณะสงฆ์ชี้ไม่ค่อยเหมาะสมแต่เจตนาปลายทางดี ให้ลดกระแส วัดไผ่ล้อมยอมหยุดการแจกโบรชัวร์คู่กับกระเป๋าหลังจำหน่ายแล้ว ด้านหลวงพี่คนดังโต้ พระมหาไพรวัลย์ ยันไม่สอนให้งมงาย โอ่ทำงานเพื่อสังคมไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวติดตามกระแสของการเปิดจำหน่าย กระเป๋ามหามงคล “เพิ่ม พูน ทรัพย์” ซึ่งเป็นแนวคิดของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม คิดออกมา 6 แบบ โดยมียันต์ของหลวงพ่อพูล อัตรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ปั๊มไว้ที่กระเป๋า และมีการทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ก่อนนำจำหน่าย
ซึ่งได้สร้างกระแสให้เกิดเป็นประเด็นในสังคมในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีการออกมาโต้แนวคิด โดย พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศน์ชื่อดังจากวัดสร้อยทอง ที่ออกมาท้วงติงว่าเป็นพุทธพาณิชย์ ขณะที่หลวงพี่น้ำฝน ยืนยันว่าเป็นการนำมาให้บูชาเป็นกำลังใจในการทำมาหากิน และรายได้ทั้งหมดได้นำไปสนับสนุนการซื้อเครื่องมือการแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ในการสร้างอาคารผู้ป่วยหลังใหม่ ซึ่งยังขาดอุปกรณ์การแพทย์อีกมาก
เจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดให้เช่าบูชาวัตถุมงคล เผยว่า บรรยากาศในภายในวัดมีประชาชนเดินทางเข้ามาเช่าบูชากระเป๋ามหามงคลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่วันนี้หลวงพี่น้ำฝน ติดกิจนิมนต์ และมีอาการอาพาธ ไม่ได้อยู่ที่วัดไผ่ล้อม จึงไม่ได้มีการเปิดให้เจิมหน้าผากตามปกติเช่นทุกวัน
สำหรับกระเป๋าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นกระเป๋าใส่เงินแบบสั้น ราคา 1,000 บาท และกระเป๋าเป้สะพายราคา 3,000 บาท โดยจำนวนกระเป๋าได้ลดลงจากตู้โชว์อย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับผ้าพันคอสาลิกา มหาเสน่ห์ เหลือโชว์เพียง 2 ผืน เนื่องจากมียอดสั่งจอง ทั้งเดินมาหาบูชาเองที่วัด และสั่งจองทางระบบออนไลน์เป็นกระแสต่อเนื่อง และมียอดสั่งมากขึ้นหลังมีการออกอากาศในการไปแสดงความคิดเห็นร่วมกันระหว่างหลวงพี่น้ำฝน และพระมหาไพรวัลย์ เมื่อวานนี้
จากการสอบถามไปยังหลวงพี่น้ำฝน หลังจากได้เดินทางไปออกรายการต่างๆ ทางสื่อหลายช่องที่ผ่านมา โดยบอกว่า ได้นำข้อท้วงติงเกี่ยวกับโบรชัวร์ที่มีการเขียนสรรพคุณในทางเชิญชวนให้เช่าบูชากระเป๋าดังกล่าว ก็ยอมรับว่า ไม่ได้ตรวจสอบก่อนให้มีการนำมาตั้งไว้ที่จุดเช่าบูชา จึงได้สั่งการระงับ และสั่งเก็บออกทั้งหมดเพื่อไปแก้ไขให้มีความชัดเจนขึ้น แต่ยืนยันไม่มีการหลอกลวง หรือชักชวนให้งมงายในการลุ่มหลงวัตถุมงคล และจะเดินหน้าให้เช่าบูชากระเป๋ามหามงคลต่อไป เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เพราะมีหนังสือขอรับการสนับสนุนมาจริง และทำมาแล้วนับสิบปี
ส่วนประเด็นที่ไปออกรายการเพื่อแสดงความคิดเห็นกับพระมหาไพรวัลย์ ที่ท้วงติงจี้จุดตนเองในจุดที่เป็นช่องทางโจมตีว่าเป็นการสร้างความงมงาย โดยมีคำว่า เงินทอง ไหลมานะชาลีติ ที่ปั๊มไว้ด้านในกระเป๋านั้น คำนี้เป็นยันต์ของหลวงพ่อพูลที่ใช้มานาน โดยคำว่า “นะชาลีติ” หรือหัวใจพระสีวลี สามารถแปลความหมายในแต่ละอักขระได้ดังนี้ นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด
สรุปคือ จงนอบน้อม มีสัมมาคาราวะต่อผู้อื่น ขยัน ขวนขวายในการทำงาน อย่าขี้เกียจ อย่านอนมาก ไม่นอนดึก ไม่นอนตื่นสาย หากผู้ใดทำได้ย่อมพบกับความเจริญ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจแปลความหมายให้เป็นการงมงายเรียกเงินเรียกทรัพย์เข้ากระเป๋าโดยไม่ทำงาน ไม่ตั้งใจ เพราะตนเองได้สั่งสอนลูกศิษย์เสมอให้ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน และเป็นแบบนี้มานาน ส่วนกระแสที่ออกมาวิจารณ์ต่างๆ นานา นั้นยังไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้มากนัก รู้แต่ว่าตั้งใจจะช่วยสังคม และจะต้องทำต่อไปให้สำเร็จสิ้น
“ที่ผ่านมา 20 กว่าปี ได้บริจาคไปแล้ว 600 กว่าล้านบาท ที่ออกช่วยสังคม อาตมาก็ไม่ได้โฆษณาทุกครั้งว่าทำอะไร แต่ใครสงสัยให้มาที่วัด มีคนบอกว่าอาตมาเป็นพระนักเลง ถามว่าเป็นตรงไหน อาตมาพูดเสียงดัง และพูดกี่ทีก็เหมือนเดิม ใครอยากรู้สงสัยอะไรให้มาที่วัดไผ่ล้อม จะพาไปชมโบสถ์ วิหาร โรงเรียน โรงพยาบาล โรงพัก ทุกอย่างมีจริง และมีคนที่ได้รับจริง อาตมาทำได้แค่นี้ และเชื่อในความถูกต้อง และสิ่งที่ทำเป็นศาสนากุศลที่พระมีหน้าที่ต้องทำทั้งเรื่องการช่วยเหลือสังคม” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว
ขณะที่วันนี้ ที่ห้องประชุมสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม หอสมุดวัดพระปฐมเจดีย์ มีการประชุมประจำเดือนของคณะสงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประจำเดือนมกราคม 61 โดยมีเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เป็นประธาน ซึ่งมีการหยิบยกในหลายประเด็นในการหารือ ในเรื่องดังกล่าว โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงหัวข้อในการประชุม ไม่ได้มีการนำประเด็นเรื่องดังกล่าวที่เกิดเป็นประเด็นมาพูดในที่ประชุม
พระครูพิพิธเจติยาภิบาล เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของหลวงพี่น้ำฝนโดยตรง เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกหลวงพี่น้ำฝน ให้มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยคณะสงฆ์ ได้หารือว่า เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดมากนัก แต่ก็ไม่ค่อยเหมาะสม แต่เจตนาปลายทางคือสิ่งที่ดี และเป็นการทำเพื่อส่วนรวม แต่ก็ให้มีการลดกระแสลงไปบ้างเพื่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็ได้รับปากโดยได้รายงานเรื่องไปถึง พระมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ได้ทราบแล้ว
