อุตรดิตถ์ - ได้ข้อสรุปแล้ว กรณีโพสต์ฉาว ทต.ท่าสักร้างตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ กรรมการสอบฯ ฟันธงข้าราชการ-เจ้าหน้าที่หนีราชการจริง ให้นายกฯ จัดการตามหน้าที่ พร้อมเร่งเคลียร์ปมขัดแย้ง “นายกเล็ก-ปลัดฯ” ให้จบโดยเร็ว ขู่สุดท้ายถ้ายังไม่ยอมชง คสช.ใช้ ม.44 จัดการ
วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี นายยิ่งใหญ่ อายะนันทน์ อดีตนักแสดงชื่อดัง ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ โพสต์ภาพห้องทำงานในเทศบาลฯ ร้างในบ่ายวันศุกร์ พร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “ความว่างเปล่า เวลานี้ 14.40 น. ที่เทศบาลท่าสัก ศุกร์-สุขกันมากเลยครับท่านผู้ชม ว่างแม้นกระทั่งห้องทำงาน ภาพที่ถ่ายทั้งหมดเวลา 14.40 น. วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560”
ล่าสุด นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังตั้งคณะกรรมการเข้าไปสอบสวนกรณีข้าราชการและพนักงาน ทต.ท่าสัก กลับบ้านก่อนเวลาราชการเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการสรุปและรายงานมาให้ตนทราบแล้วคือ ข้าราชการ-พนักงาน ทต.ท่าสักกลับบ้านก่อนเวลาราชการจริงตามที่เป็นข่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดวินัยราชการ
ส่วนจะมีความผิดอะไรอย่างไรนั้น คงจะต้องให้นายยิ่งใหญ่เป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรีที่มีอยู่แล้ว ทางอำเภอฯ เป็นเพียงผู้กำกับดูแล จะพิจารณาลงโทษคงจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก
“เรื่องนี้จบแล้วคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายกเทศมนตรี ดำเนินการตามอำนาจไป”
นายเจษฎากล่าวว่า กรณีดังกล่าวจังหวัดฯ ให้ตั้งกรรมการสอบเฉพาะเรื่องที่ข้าราชการและพนักงานหนีราชการเท่านั้น และสั่งให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่เกิดความเสื่อมเสียต่อระบบราชการ ซึ่งทางอำเภอก็ตั้งกรรมการสอบสวนสรุปจบไปแล้ว
แต่เกิดเรื่องใหม่ขึ้นมา คือ นายกเทศมนตรี กับนายวิภูษิต อินทรชัยศรี ปลัดเทศบาลตำบลท่าสัก ที่ขัดแย้งกันมานานแล้วนั้นทางอำเภอก็จะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาอีกชุดเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ความละเอียดในการทำข้อมูลว่าทั้งคู่เกิดการขัดแย้งกันเรื่องอะไร เมื่อไหร่ ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง
“แต่วันสองวันนี้จะเชิญทั้งนายกเทศมนตรี และปลัด ทต.ท่าสักมาพูดคุย โดยตนจะเป็นประธานการเจรจาเองเพื่อให้เรื่องจบโดยเร็ว”
นายเจษฎาบอกว่า ยอมรับเป็นงานที่ค่อนข้างหนักพอสมควร แต่ก็น่าจะผ่านไปด้วยดี เพราะเป็นเรื่องของความขัดแย้งกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังเกิดอยู่ ครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ทำงานร่วมกันแล้ว จะลองเจรจากันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร จะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ หากทำงานร่วมกันแล้ว งานที่ทำจะต้องออกมาดี ประชาชนจะต้องได้ประโยชน์เต็มที่จากการบริการ แต่หากตกลงกันไม่ได้ ก็คงจะต้องจับทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกัน เพื่อลดปัญหาความรุนแรงที่อาจจะเกิดตามมาหากยังอยู่ที่เดียวกัน
“มาตรการสุดท้ายหากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน คือจะต้องส่งเรื่องไปให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 จัดการกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือจัดการกับทั้งสองฝ่ายเลย ก็แล้วแต่ทางจังหวัดจะเสนอไป” นายเจษฎากล่าว
