พิจิตร - โรงพยาบาลพิจิตรเปิดห้องเรียนรู้เสมือนจริง-Phichit simulation center ติวเข้มทั้งนิสิตแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ยันทีมกู้ชีพกู้ภัย จำลองเหตุเสมือนจริงให้เรียนกับหุ่นทุกขั้นตอนก่อนลงมือช่วยชีวิตคนอย่างถูกต้อง เติมเต็มการเรียนรู้กับ “อาจารย์ใหญ่”
นายแพทย์ วิริยะ เอี๊ยวประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร ได้เป็นประธานเปิด “ห้องเรียน Phichit simulation center” ณ อาคารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิกโรงพยาบาลพิจิตร อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) โดยมีแพทย์ พยาบาล และนิสิตแพทย์ เกือบ 100 คน ร่วมพิธี
นายแพทย์ ธเนศ ดุสิตสุนทรกุล ผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพิจิตร กล่าวถึงความจำเป็นของห้องเรียนรู้ดังกล่าวนี้ว่า นับเป็นความก้าวหน้าของการสาธารณสุขในปัจจุบัน ซึ่งไม่เฉพาะแต่ด้านการรักษา แต่ยังรวมถึงการเรียนการสอนเพื่อสร้างบุคลากรทางการสาธารณสุขให้ได้ฝึกทักษะ ฝึกการตัดสินใจ จากสถานการณ์จำลอง-หุ่นได้อย่างชำนาญ ก่อนจะปฏิบัติในสถานการณ์จริง
“ห้องเรียนนี้จะมุ่งเน้นให้นิสิตแพทย์ เจ้าหน้าที่ เครือข่าย และอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย ให้ฝึกปฏิบัติการในหุ่นและสถานการณ์จำลอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการดูแลรักษาแบบองค์รวมที่มุ่งเน้นความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ”
นายแพทย์ ธเนศระบุว่า ในอดีตนิสิตแพทย์ ฯลฯ จะต้องเรียนรู้กับผู้ป่วยจริง ซึ่งเป็นความยากลำบากอย่างมาก ดังนั้น รพ.พิจิตรจึงได้จัดหางบประมาณจำนวนหลายล้านบาทมาเพื่อสร้างห้องเรียนดังกล่าว ซึ่งภายในห้องเรียนนี้จะมีศูนย์ควบคุมสั่งการให้ความรู้แก่นิสิตแพทย์ ฯลฯ อย่างทันสมัย
ภายในห้องเรียน Phichit simulation center จะมีทั้งหุ่นที่เป็นสรีระร่างกายของมนุษย์ในทุกส่วนของร่างกายเหมือนจริงทุกอย่าง นิสิตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคลากรทางการสาธารณสุขจะได้เรียนและได้ปฏิบัติต่อหุ่น การเรียนการสอนเริ่มตั้งแต่การล้างมือ การดูตา หู คอ จมูกหุ่น หรือแม้กระทั่งทักษะการอาบน้ำให้ทารกแรกเกิด รวมถึงการทำคลอดจากคุณแม่ที่เป็นหุ่น การปั๊มหัวใจ หรือการทำ CPR อย่างถูกต้อง ถูกวิธี
นายแพทย์ วิริยะ เอี๊ยวประเสิรฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร กล่าวว่า การเปิดศูนย์เรียนรู้เสมือนจริงของศูนย์การแพทย์ศึกษา ฯลฯ มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะใช้ในการฝึกทักษะของนิสิตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของโรงพยาบาลพิจิตร ทั้งแพทย์ พยาบาลที่เข้าปฏิบัติงานใหม่เพื่อให้มีทักษะ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ทักษะพื้นฐาน คือ การล้างมือฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ผู้ปฏิบัติงานทางด้านสาธารณสุขทุกคนจะต้องมีก่อนที่จะไปดูแลผู้ป่วย รวมถึงทักษะในทุกเรื่องตั้งแต่การทำคลอด การเย็บแผล การใส่สายสวนปัสสาวะ การทำ CPR ในกรณีที่คนไข้หยุดหายใจก็มีการจำลองสถานการณ์จริง มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย
โดยอาจารย์แพทย์จะให้นิสิตแพทย์ปฏิบัติในห้องที่มีผู้ป่วยในสถานการณ์จำลอง ขณะที่อาจารย์แพทย์ก็จะเฝ้าสังเกตการปฏิบัติรวมถึงผู้ปฏิบัติ เพื่อให้คำแนะนำ หรือประเมินผลว่ามีความรู้ทักษะเพียงพอในการปฏิบัติหรือไม่ก่อนที่จะจบออกไปปฏิบัติต่อผู้ป่วยจริง
“การเรียนกับหุ่นนี้ประโยชน์ที่เกิดขึ้น คือ เราจะมั่นใจได้มากขึ้นว่าเจ้าหน้าที่ หรือนิสิตแพทย์ที่จบออกไปมีความรู้และทักษะที่แท้จริงในการที่จะดูแลผู้ป่วย และรวมถึงการทำหัตถการต่างๆ ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของวงการสาธารณสุข วงการศึกษาของแพทย์ จากเดิมจะต้องไปฝึกปฏิบัติกับร่างกายของคนไข้จริงๆ แต่วันนี้ผู้ปฏิบัติงานสามารถฝึกได้กับหุ่น แต่ก็ต้องย้ำว่าการเรียนกับอาจารย์ใหญ่ที่มีผู้บริจาคร่างกายหลังจากการเสียชีวิตก็ยังมีความสำคัญเป็นอย่างมาก อาจจะกล่าวได้ว่าหุ่นที่ใช้เรียนนี้ไม่อาจทดแทนอาจารย์ใหญ่ได้ แต่การเรียนกับหุ่นเป็นการเติมเต็มอีกส่วนหนึ่งด้านทักษะในการดูแลผู้ป่วย แต่ในส่วนของการเรียนกับอาจารย์ใหญ่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นความรู้พื้นฐานเรื่องโครงสร้างของร่างกาย”
นายแพทย์ วิริยะกล่าวเพิ่มเติมว่า การติวเข้มนิสิตแพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการสาธารณสุขและเครือข่ายอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย ที่ห้องเรียนนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการเตรียมความพร้อมรองรับอุบัติเหตุ อุบัติภัย ที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเทศกาลต่างๆ รวมถึงเทศกาลปีใหม่ 2561 ที่กำลังจะมาถึงนี้อีกด้วย