พิษณุโลก - ตำรวจ ปคบ. พร้อมสารวัตรเกษตร นำกำลังบุกตรวจค้นบ้านสาวใหญ่เมืองสองแคว พบลอบผลิต-จำหน่าย “ปุ๋ยเร่ง-ซุปเปอร์จิ๊ดจ๊าด” อายัดของกลางเกือบพันขวด พร้อมลุยค้นแหล่งผลิตในพิจิตรอีกจุด หลังคนแห่ร้องผ่านสายด่วน 1135 อื้อ
วันนี้ (7 ธ.ค.) พ.ต.อ.วัฒนา แก้วดวงเทียม รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตำรวจสอบสวนกลาง (ปคบ.), พ.ต.ต.สมพงษ์ บุตรรัตน์ สารวัตรกองกำกับการ 2 ปคบ., นายเรวัช วงศ์แสง สารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร ได้นำกำลังบุกตรวจค้นบ้านเลขที่ 77/20 ซอยกลางคลอง ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านของนางพิมพ์พิชา แซ่แต้ อายุ 49 ปี
หลังรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ร้องเรียนคุ้มครองผู้บริโภค สายด่วน 1135 ว่ามีการโฆษณาขายสินค้าที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ผ่านรายการวิทยุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ทดลองซื้อ สินค้า “ซุปเปอร์จิ๊ดจ๊าด พลังน็อก” และผลิตภัณฑ์ วิตามินพืชจิ๊ดจ๊าด จากร้านค้าแห่งหนึ่งที่ อ.สามง่าม จ.พิจิตร จึงได้ทราบว่าสถานที่ผลิต และจำหน่ายปุ๋ยเคมีอย่างผิดกฎหมายอยู่ภายในบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งลักลอบเปิดเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าประเภทปุ๋ย และวัตถุอันตรายจริง
ผลจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบผลิตภัณฑ์เคมีที่ไม่มีการขอขึ้นทะเบียนทั้งสิ้น 7 รายการ ประกอบด้วย ปุ๋ยชนิดน้ำ 4 ชนิด, น้ำยาเคมี 3 ชนิด จำนวนกว่า 900 ขวด
พ.ต.อ.วัฒนา แก้วดวงเทียน รอง ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ร้องเรียนคุ้มครองผู้บริโภค ว่ามีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ระบุเลขทะเบียน จึงได้สุ่มซื้อตัวอย่างเคมีเกษตรยี่ห้อดังกล่าวมาตรวจสอบพบว่าไม่มีการระบุยี่ห้อของผลิตที่ชัดเจน ไม่มีการระบุเลขที่ใบสำคัญรับแจ้งจากกรมวิชาการเกษตร รวมถึงฉลากสินค้าไม่ครบถ้วนตามกฎหมายกำหนด และมีการโฆษณากล่าวอ้างสรรพคุณทางวิทยุชุมชน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตรเข้าตรวจค้นจนพบการกระทำผิดดังกล่าว
นายเรวัช วงศ์แสง จนท.ชำนาญการ กรมวิชาการเกษตร กลุ่มสารวัตรเกษตร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเป็นไปได้ชัดว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่จำหน่าย และผลิตปุ๋ย-เคมีเกษตร ตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย ปี 2512 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2550
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดปุ๋ยและเคมีทั้งหมดไว้ และแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวในข้อหา ผู้ใดขายปุ๋ยเคมีต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 4 หมื่นถึง 2 แสนบาท และผู้ใดผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 4 หมื่นถึง 2 แสนบาท
พร้อมกันนั้นได้ทำการเก็บตัวอย่างปุ๋ยไปตรวจสอบว่าเป็นปุ๋ยหรือยาชนิดใด ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 1-2 เดือนจึงจะทราบผล หากพบมีส่วนผสมต้องห้ามก็จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน พ.ต.ต.สมพงษ์ บุตรรัตน์ สารวัตรกองกำกับการ 2 ปคม.นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นสถานที่ผลิตอีกแห่งตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องสงสัยในเขตจังหวัดพิจิตร และจะนำของกลางไปตรวจสอบว่าเป็นวัตถุอันตรายหรือน้ำเปล่า ซึ่งข้อหาจะแตกต่างกันไป ส่วนข้อหาเบื้องต้นคือ จำหน่ายสินค้าวัตถุอันตรายไม่ได้ขึ้นทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาต