ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชเรียกประชุม 3 หน่วยงานสางปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียวที่ยืดเยื้อมายาวนาน ย้ำขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังหาทางออก แต่ประชาชนต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ห้ามบุกรุกเพิ่ม อย่าเปลี่ยนมือหรืออย่าเปลี่ยนพื้นที่การเกษตร
ช่วงสายวันนี้ (21 พ.ย.) ห้องประชุมชั้น 2 หอประชุมอำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น นายอภิชาติ ธนะมัย นายอำเภอวังน้ำเขียว, พันตำรวจเอก สันติ เหล่าประทาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นายชำนาญ กลิ่นจันทร์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา, ตำรวจภูธรอำเภอวังน้ำเขียว, ตัวแทนอุทยานแห่งชาติทับลาน, ตัวแทนเขตห้ามล่าสัตว์เขาแผงม้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เพราะเป็นการถกปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของ 3 หน่วยงาน ทั้งพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน, เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตพื้นที่ ส.ป.ก.
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากภายหลังที่ พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร พร้อมให้จังหวัดนครราชสีมานำข้อสรุปที่ได้จากการหารือไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยมีด้วยกัน 5 ประเด็น ประกอบด้วย
1. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินการ เพื่อให้มีการแก้ไขข้อมูลหรือแผนที่ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอุทยานแห่งชาติให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและทำให้กฎหมายมีความถูกต้องชอบธรรมไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและรักษาผลประโยชน์ของรัฐ 2. ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำการสำรวจแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานในปี 2543 และแนวกันไฟเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนของเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตพื้นที่ ส.ป.ก.บริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน
3. ให้กรมป่าไม้รับข้อคิดเห็นกรณีการกำหนดพื้นที่เขาแผงม้าให้เป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์(โซน C) นั้นให้มีความถูกต้องสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเขตป่าสงวนแห่งชาติอำเภอวังน้ำเขียว 4. ผู้ตรวจการแผ่นดินจะประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อให้มีการชะลอการดำเนินคดีต่อราษฎรที่ถูกฟ้องกรณีปัญหาแนวเขตทับซ้อนของอุทยานแห่งชาติทับลานกับเขตที่ดินที่ราษฏรประกอบอาชีพอยู่ในระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
ส่วนประเด็นสุดท้าย ผู้ตรวจการแผ่นดินจะนัดหมายพบปะหารือเพื่อแสวงหาแนวทางในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการทับซ้อนแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตลอดจนพื้นที่ป่าในอำเภอเสิงสางและอำเภอครบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานของศูนย์แก้ไขปัญหาอุทยานแห่งชาติทับลานว่าจะมีขั้นตอนและกรอบเวลาดำเนินงานอย่างไร
นายวิเชียรกล่าวว่า การลงพื้นที่ อ.วังน้ำเขียวมีเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาราษฎรบุกรุกป่าในพื้นที่ทับซ้อนตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินให้ข้อสรุปมา ซึ่งที่ประชุมได้พูดคุยกันว่าแนวทางที่ให้ข้อสรุปไว้จะเป็นแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้ และประชาชนชนพื้นที่ก็น่าจะหาทางออกที่ดีได้ตรงกัน เพียงแต่ตอนนี้อยู่ในขั้นดำเนินการ และทางกระทรวงธรรมชาติฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดินให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและมีเจ้าหน้าที่ของจังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลที่จะเสนอต่อคณะกรรมการชุดดังกล่าว
ในส่วนจังหวัดเองพยายามหาแนวทางในการแก้ไขอย่างดีที่สุดทุกฝ่ายยอมรับได้ โดยเฉพาะเกษตรกรประชาชนในพื้นที่ แต่ท้ายที่สุดเนื่องจากเป็นเรื่องของนโยบายและเรื่องข้อกฎหมายจำเป็นที่จะต้องรายงานข้อเท็จจริงต่างๆ ให้หน่วยเหนือ และทางจังหวัดเองตอนนี้อยู่ระหว่างการช่วยกันเก็บรวบรวมข้อมูลส่งให้คณะกรรมการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขปัญหาในอำเภอวังน้ำเขียวทับซ้อน 3 หน่วยงานโดยเฉพาะพื้นที่ของประชาชน พี่น้องเกษตรกรจะทำแบบละมุนละม่อนถ้อยทีถ้อยอาศัยหรือไม่อย่างไร นายวิเชียรตอบว่า ณ วันนี้ภาคราชการเราก็อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ก็ต้องเรียนไปยังประชาชนว่า 1. ต้องขอความร่วมมือว่าในการบุกรุกพื้นที่ใหม่ก็คงทำไม่ได้ เพราะจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป 2. เรื่องของการถ่ายโอน การเปลี่ยนมือต่างๆ เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ทางราชการอยากให้พี่น้องประชาชนอยู่อย่างสงบสุข
เพียงแต่ว่าทุกคนมีข้อกฎหมายที่จะต้องรับและต้องถือไว้ด้วย บางครั้งมีการร้องเรียนขึ้นมาหรือมีการกล่าวหาก็ต้องมีการดำเนินการ ฉะนั้นอยากให้ประชาชนทุกคนว่าตอนนี้ขอให้พยายามปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้มากที่สุดว่า อย่าไปบุกรุกเพิ่มขึ้น
“อย่าไปเปลี่ยนมือหรืออย่าไปเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรเป็นพื้นที่อื่นๆ ที่มันจะผิดหลักทำให้มีการร้องเรียนกล่าวหาขึ้นได้ ซึ่งทางราชการถึงเวลานั้นก็ต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการละเว้น” นายวิเชียรกล่าว