ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมศุลกากร จับมือร่วมการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกระดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจัดการ และควบคุมการขนส่งสินค้าขาออก โดยระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Matching ลดเอกสาร ขั้นตอนการทำงาน ลดปัญหาการจราจร ณ จุดเดียว
เมื่อเวลา 09.-30 น.วันนี้ (16 พ.ย.) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e- Matching) เชื่อมโยงผ่าน NSW ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการยกระดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศไทยด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการและควบคุมการขนส่งสินค้าขาออก โดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ ด้วยการบูรณาการระบบการทำงานของ 2 หน่วยงาน ณ จุดเดียว ณ ประตูตรวจสอบสินค้า 3 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมี นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในนามการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร.ท.ยุทธนา โมกขาว รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง นายกิตติ สุทธิสัมพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง ผู้ประกอบการท่าเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรได้มอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดตั้งระบบ Nation Single Window หรือ NSW ซึ่งเป็นระบบศูนย์กลางการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ และนำระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Matching เพื่อลดเอกสาร ลดขั้นตอนการทำงาน ลดความผิดพลาด ลดปัญหาการจราจร และสามารถลดระยะเวลาการให้บริการต่อตู้เหลือเพียง 20 วินาที เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ถือเป็นก้าวแรกในปีงบประมาณ 2561 ซึ่ง 2 หน่วยงานร่วมมือประสานกันเพื่อยกระดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศ
โดยไม่ต้องพิมพ์เอกสารใบกำกับเพื่อนำมายื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบสินค้า ซึ่งเมื่อพนักงานขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์มายังสถานีตรวจสอบสินค้า ณ ท่าส่งออก ทำการชั่งน้ำหนักตู้สินค้า และเจ้าหน้าที่ท่าเรือจะทำการบันทึกหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์เข้าสู่ระบบ หากข้อมูลตรงกับใบกำกับการขนย้ายที่เชื่อมโยงกับกรมศุลกากร ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window:NSW) ระบบจะตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถลดระยะเวลาการผ่านสถานีตรวจสอบของท่าเรือ (Main Gate) จากเดิม 3 นาที เหลือเพียง 20 วินาทีเท่านั้น อันจะเป็นการส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยรวมที่จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่าย และค่าเสียเวลาลงได้ปีละกว่า 2,500 ล้านบาท
ขณะที่ ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เผยว่า ท่าเรือแหลมฉบัง ในฐานะท่าเรือหลักของประเทศไทย ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ และบูรณการข้อมูลร่วมกับกรมศุลกากร หน่วยงานอื่นๆ ในลักษณะของการเป็น e-port ตามวิสัยทัศน์ของท่าเรือแหลมฉบัง ที่ระบุว่าเป็น “ศูนย์กลางการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และลอจิสติกส์ของอาเซียน” ซึ่งท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมให้การสนับสนุนการบูรณาการในทุกมิติและเล็งเห็นว่า ระบบ e-Matching นี้สามารถลดระยะเวลาการจอดรอคิวรถบรรทุก ลดขั้นตอนในการดำเนินการได้จริง จึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งระบบดังกล่าวไม่เพียงแต่สนับสนุนเรื่อง Doing Business ตามนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ EEC ที่มีเป้าหมายยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” อีกด้วย