ตาก - ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ พร้อมฝ่ายปกครอง และตำรวจพระบุกรื้อสำนักสงฆ์ต่างด้าว นิมนต์พระพม่ากลับประเทศทันที หลังพบลอบเข้าไทย ตั้งสำนักสงฆ์กลางป่าแม่สอดสมัยพายุนาร์กิสถล่มพม่า
วันนี้ (8 พ.ย.) นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก, นางพัชรินทร์ บุญตาปวน ปลัดอำเภอแม่สอด พร้อมกองร้อย อส.แม่สอด ที่ 3, ทหาร ฉก.ร.14 แม่สอด, ชุดสายตรวจ, กำนันตำบลแม่กุ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้บ้านห้วยไม้แป้น สนธิกำลังกว่า 30 นาย ร่วมกับพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ เดินเท้าเข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สอด ท้ายหมู่บ้านแม่กุเหนือ หมู่ที่ 8 ต.แม่กุ อ.แม่สอด
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปถึง พบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นแหล่งป่าต้นน้ำที่สำคัญถูกแปรสภาพกลายเป็นสำนักสงฆ์ โดยมีป้ายภาษาพม่าติดไว้ว่า “สำนักสงฆ์เมตตาสุขขา” และมีการก่อสร้างเป็นที่จำวัด, กุฏิที่พักสงฆ์ และติดตั้งระบบติดตั้งเครื่องปั่นไฟด้วยพลังน้ำ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมสรรพ
สอบสวน พระอูซอ พะแน พระสงฆ์สัญชาติพม่า ที่รับเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ดังกล่าว ให้การกับเจ้าหน้าที่เบื้องต้นว่า ได้ลักลอบเข้าเมืองมาตามแนวชายแดนไทย-พม่า ในช่วงที่ประเทศพม่าถูกพายุไซโคลนนาร์กิสพัดถล่มประเทศ ก่อนจะลักลอบก่อสร้างสำนักสงฆ์ในพื้นที่ป่าดังกล่าวมาได้หลายปีแล้ว จนชาวบ้านทั้งคนไทย และพม่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก จนมีการขยายพื้นที่ก่อสร้างถาวรวัตถุ โดยไม่รู้ว่าพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นการผิดกฎหมายประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์พระอูซอ พะแน ออกนอกพื้นที่ป่า และให้เดินทางกลับวัดต้นสังกัดในประเทศพม่าโดยทันที โดยมีตำรวจพระเขตอำเภอแม่สอดมาร่วมดำเนินการในครั้งนี้ด้วย พร้อมแจ้งว่าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ตำรวจพระก็อาจต้องนิมนต์พระรูปนี้ไปดำเนินพิธีการจับสึก ซึ่งพระรูปดังกล่าวก็ยินยอมปฏิบัติตาม
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังทุกฝ่ายช่วยกันรื้อถอนศาลาที่พักสงฆ์หลังใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่สร้างอยู่ริมน้ำตก พร้อมขนย้ายสิ่งของเครื่องอัฐบริขารจำนวนมากนำออกพ้นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯทั้งหมด ก่อนจะเข้าไปฟื้นฟู และปลูกป่าทดแทนต่อไป
อนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ร.14 แม่สอด, ตำรวจ, ป่าไม้, ฝ่ายปกครอง และคณะพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ได้เข้าตรวจสอบบุกเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่พักสงฆ์ ที่เป็นที่พักพระสงฆ์บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน หมู่ที่ 8 ต.แม่กุ มาแล้วถึง 2 แห่ง