ระยอง - อดีตกำนันสำนักท้อน ประชุมผู้นำท้องถิ่น และประชาชนที่ถือครองที่ดินในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ พ.ศ.2492 เรียกร้องทวงคืนจากภาครัฐ อ้างถือครองมานานกว่า 70 ปี ก่อนประกาศเป็นเขตหวงห้าม
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายทัศนัย ทองคต นายก อบต.สำนักท้อน พร้อมด้วย นายสินธ์ กีรตยาคม อดีตกำนัน ต.สำนักท้อน เรียกประชุมผู้นำท้องถิ่น สมาชิก อบต.สำนักท้อน และชาวบ้าน กรณีความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนกว่า 20,000 ราย ที่ถือครอง และทำประโยชน์ที่ดินมานานกว่า 70 ปี ในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่งและ ต.สำนักท้อน จ.ระยอง พ.ศ.2492 เนื้อที่ประมาณ 42,750 ไร่
ทั้งนี้ นายสินธ์ กีรตยาคม อดีตกำนัน ต.สำนักท้อน กล่าวว่า ที่ผ่านมากว่า 30 ปี พี่น้องประชาชนได้เรียกร้องทางราชการเพิกถอนที่ดินในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ต.ห้วยโป่ง ต.สำนักท้อน จ.ระยอง พ.ศ.2492 เนื่องจากพี่น้องประชาชนถือครองทำประโยชน์ในที่ดินมานานกว่า 70 ปี ก่อนจะมีประกาศ ปี พ.ศ.2492 แต่เรื่องเงียบหาย
ต่อมา พี่น้องประชาชนได้ร่วมลงชื่อ จำนวน 500 คน ยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง สมัยนั้นเรื่องความเดือดร้อนของราษฎรที่ถือครอง และทำประโยชน์ที่ดินในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่ง ต.สำนักท้อน จ.ระยอง พ.ศ.2492 ขอให้ทางราชการเพิกถอนที่ดินในเขตหวงห้าม และออกเอกสารสิทธิให้แก่ประชาชนอีกครั้ง
ต่อมา ในปี 2556 อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยนั้น เดินทางมาพบประชาชน ชาวห้วยโป่ง และสำนักท้อน เพื่อแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินให้แก่ราษฎร ต.ห้วยโป่ง ต.สำนักท้อน ที่ถือครอง และทำประโยชน์ที่ดินเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ต.ห้วยโป่ง ต.สำนักท้อน พ.ศ.2492 สั่งการให้กรมป่าไม้ตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ที่สมควรเพิกถอนจะสงวนและหวงห้ามไว้ และนำเรื่องเพิกถอนพื้นที่ที่สมควรเพิกถอน ตามมติ ครม.วันที่ 19 มกราคม 2514
โดยให้กรมที่ดิน ทำการสำรวจแนวเขตพื้นที่ที่สมควรเพิกถอนตามแผนที่สำรวจที่ดินของกรมป่าไม้ เนื้อที่ประมาณ 42,750 ไร่เศษ โดยให้จังหวัดแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการ และตัวแทนภาคประชาชนเป็นคณะทำงาน สำรวจพื้นที่ในเขตหวงห้าม และพื้นที่ที่สมควรเพิกถอนการหวงห้าม แต่เรื่องก็เงียบหายไปอีก
นายสินธ์ กล่าวต่อไปว่าเรื่องนี้พี่น้องประชาชน และผุ้นำท้องถิ่นจะต้องออกมาต่อสู้กันใหม่อีกครั้ง โดยขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตหวงห้ามดังกล่าวที่ถือครองทำประโยชน์ที่ดินต่อเนื่องที่มีใบ ส.ค.1 หรือใบเหยียบย่ำ ครอบครองที่ดินมาก่อนประกาศเป็นเขตหวงห้ามของทางราชการ เพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในการเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของพี่น้องประชาชนคืนมาจากภาครัฐบาล
เพราะในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2492 กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการประกาศพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตหวงห้ามโดยอ้างพระราชบัญญัติว่าด้วยพื้นที่รกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินมาครอบทับที่ทำกินของพี่น้องประชาชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากที่ที่ได้ประกาศเป็นเขตหวงห้าม มีประชาชนครอบครองสิทธิทำไร่ ทำสวน และทำนาเต็มพื้นที่ ดังนั้น การออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามมาทับที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน จึงก่อให้เกิดความเดือดร้อน
ในวันนี้ เราจึงต้องประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางในการที่จะเรียกร้องขอคืนสิทธิอันชอบธรรม ขอคืนสิทธิในการครอบครองที่ดินของพี่น้องประชาชนคืนจากภาครัฐ ซึ่งดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในอดีต