ชัยภูมิ - พระสงฆ์ และชาวบ้าน อ.ภูเขียว ชัยภูมิ ยืนยัน “ดวงดี เวียงดินดำ” เด็กชายที่ถูกอ้างเลขที่บัตรประชาชนตรงกับ “เจ้าอาวาสวัดสวนดอก” เชียงใหม่ มีตัวตนจริง บวชเรียนเป็นพระสงฆ์ชื่อ “พระมหาดวงดี” มรณภาพด้วยโรคมะเร็งที่วัดบ้านเกิดเมื่อปี 2538 นานกว่า 23 ปีแล้ว ชาวบ้านร่วมพิธีฌาปนกิจกว่า 1,000 คน เผยไม่ทราบถูกสวมสิทธิบัตร ปชช.ได้อย่างไร ขณะที่นายอำเภอภูเขียวหลบหน้าไม่ให้ข้อมูลใดๆ
วันนี้ (11 ต.ค.) กรณีที่ พ.ต.อ.บุญเลิศ เมตตารักษ์ อดีต ผกก.สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้ตรวจสอบพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานว่าพระราชรัชมุนีใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับชาว จ.ชัยภูมิ ชื่อ ด.ช.ดวงดี เวียงดินดำ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 283/1 หมู่ที่ 2 ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่เสียชีวิตไปนานแล้ว จนพระราชรัชมุนีตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างสวมสิทธิเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลคนดังกล่าวนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 283 หมู่ที่ 14 บ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อขอพบนางบัวไล รัศมีพันธ์ พี่สาวของบุคคลที่ชื่อ ดวงดี เวียงดินดำ ตามที่ตกเป็นข่าว ซึ่งเป็นพี่น้องที่เหลืออยู่ในปัจจุบันเพียงคนเดียว นอกนั้นญาติพี่น้องพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว แต่ไม่พบนางบัวไลแต่อย่างใด ทราบจากชาวบ้านว่านางบัวไลได้เดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพฯ หลายวันแล้ว ยังไม่กลับและติดต่อไม่ได้
จากการสอบถาม นายอนงค์ อายุ 69 ปี ผู้เฒ่าในหมู่บ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้ให้ข้อมูลว่า ด.ช.ดวงดี หรือนายดวงดี เวียงดินดำ ที่อ้างว่าถูกเจ้าอาวาสวัดดังสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชน นั้น ความจริงคือช่วงนั้น พระมหาดวงดีได้จบเปรียญธรรม 3 ประโยค มาเสียชีวิตอยู่ที่บ้านดังกล่าวตอนอายุ 22 ปี หลังไปบวชเรียนจำพรรษาอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ กทม. และเกิดอาพาธด้วยโรคมะเร็ง ทางญาติจึงไปรับตัวกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด โดยมาจำพรรษาชั่วคราวอยู่ที่วัดตาล วัดประจำในหมู่บ้าน ก่อนมรณภาพในเวลาต่อมาด้วยโรคดังกล่าวเมื่อช่วงปี 2538 หรือผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 23 ปีแล้ว
โดยขณะนั้น พระมหาดวงดี อายุได้ประมาณ 22 ปี ทางญาติ ชาวบ้าน และวัดตาดได้จัดพิธีฌาปนกิจที่วัดตาล ตนและชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ กว่า 1,000 คนไปร่วมงานในครั้งนั้นด้วย
นอกจากนี้ จากการสอบถามชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างยืนยันว่าพระมหาดวงดีนั้นมรณภาพไปเมื่อปี 2538 และทุกคนได้ไปร่วมงานฌาปนกิจในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน
ทางด้านพระครูจารุ ธรรมมาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดตาล เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อปี 2547 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้จักกับพระมหาดวงดี แต่ไม่สนิทกัน ตอนนั้นเพิ่งบวชได้เพียง 4 พรรษา แต่จำได้ว่าได้มีการจัดงานฌาปนกิจพระมหาดวงดีที่วัดตาลแห่งนี้จริง ส่วนกรณีที่มีพระชั้นผู้ใหญ่แอบสวมเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนของพระมหาดวงดีนั้นเพิ่งทราบและไม่สามารถให้รายละเอียดได้เช่นกัน ทราบเพียงว่าเป็นบุคคลเดียวกันที่มีอยู่จริง ส่วนการไปสวมสิทธิอะไรนั้นไม่ทราบ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลกับที่ว่าการอำเภอภูเขียว และขอพบนายณัฐวุฒิ วีระชุนย์ นายอำเภอภูเขียว เพื่อขอตรวจสอบรายละเอียด ชื่อประวัติ ตามเลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลดังกล่าวที่เสียชีวิตในพื้นที่ไปนานแล้วกลับมีชื่อไปถูกสวมสิทธิให้บุคคลอื่นได้อย่างไรนั้น ทางนายอำเภอภูเขียวแจ้งผ่านมาทางเจ้าหน้าที่หน้าห้องนายอำเภอว่าในช่วงนี้ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์หรือให้รายละเอียดใดๆ ได้
จากการตรวจสอบบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายอำเภอภูเขียว ในช่วงที่นายดวงดี หรือพระมหาดวงดี เสียชีวิตหรือมรณภาพ พบว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอภูเขียว คือ นายธงชัย พัฒนครู (8 พ.ย. 2536 - 31 ต.ค. 2538) และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกัน คือ นายพิจิตร สีแสง (1 พ.ย. 2538 - 2 พ.ย. 2540)