ลำปาง - เจ้าอาวาสวัดดังเมืองลำปางเครียดถึงขั้นร่ำไห้น้ำตาซึม หลังให้คนตัดกิ่งไม้มะค่าที่แตกกิ่งก้าน-เอนจะทับพระพุทธรูป แต่กลับตัดเหลือแต่ตอไม่พอ ผู้นำท้องถิ่นพาเจ้าหน้าที่บางหน่วยที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ-สื่อตีข่าวหาว่าผิดกฎหมายซ้ำ บอกอาตมาไม่รู้ เข้าใจแค่ว่าไม่ให้เกิดเหตุกับญาติโยมก็ตัดเท่านั้น ถ้าผิดก็พร้อมรับผิด
หลังจากมีสื่อบางสำนักนำเสนอข่าวว่า พระสงฆ์วัดม่อนพระยาแช่ ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ซึ่งอยู่ในเขตวนอุทยานม่อนพระยาแช่ ตัดไม้มะค่าภายในวัด 2 ต้น และนายศรีนวล คำสม อายุ 67 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.พิชัย นำชาวบ้านเข้าตรวจสอบ พร้อมระบุว่า การที่ทางวัดจะตัดต้นไม้ที่ชาวบ้านช่วยกันปลูก ต้องแจ้งคณะกรรมการวัดก่อน เพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตามระเบียบข้อบังคับ แต่ทางวัดไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนแต่อย่างใด
พระครูวอ อติธัมโม อายุ 67 ปี พรรษา 34 เจ้าอาวาสวัดม่อนพระยาแช่ ซึ่งจำพรรษาที่วัดม่อนพระยาแช่มาตั้งแต่ปี 2527 ได้เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ทางวัดฯ ได้ตัดต้นมะค่าทั้ง 2 ต้นจริง ซึ่งเป็นต้นมะค่าที่พระในวัดปลูกบริเวณลานหน้าองค์พระพุทธรูป และเป็นลานจัดกิจกรรมทั้งของเด็ก เยาวชน ญาติโยมที่มาวัด
แต่ที่ผ่านมาต้นมะค่าเติบโตขึ้นมาก และรากได้ชอนไชใต้อิฐตัวหนอนที่ปูพื้นจนทำให้อิฐแตกเป็นรอย ลำต้นเริ่มเอียงกิ่งต้นไม้เริ่มเอนไปยังองค์พระ อีกต้นหนึ่งก็เติบโตแตกกิ่งเป็นสองทาง โดยทางหนึ่งก็โน้มเข้าศาลาองค์พระเช่นกัน ทางวัดเคยแจ้งไปยังผู้นำชุมชนสองหมู่บ้าน คือ ม.1 และ ม.7 ให้เข้ามาดูถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมา
จนกระทั่งทางวัดเห็นว่าหากปล่อยไว้อาจจะเกิดอันตราย จึงให้ญาติโยมติดต่อคนมาตัด ซึ่งอาตมาได้สั่งให้ตัดเอากิ่งที่เอนไปทับองค์พระออก โดยมีเจ้าหน้าที่ของวนอุทยานม่อนพระยาแช่คนหนึ่งมาคอยดูให้ระหว่างตัดด้วย หลังจากนั้นอาตมาก็ไปฉันภัตตาหาร และจำวัด
ต่อมาเมื่อมาดูก็พบว่าคนที่มารับตัดไม้ได้ตัดต้นมะค่าจนเหลือแต่ตอไปแล้ว ซึ่งอาตมาก็ยังรู้สึกเสียใจ และก็คงจะต้องปลูกต้นไม้ขึ้นมาทดแทนในจุดเดิม
ส่วนกรณีที่ว่าการตัดต้นไม้ในวัดผิดกฎหมายหรือไม่นั้นอาตมาไม่ทราบ เพราะแค่เข้าใจว่าต้นไม้ที่อยู่ในวัด และมองเห็นว่าจะเกิดอันตรายแก่ญาติโยมที่เข้ามาในวัดก็ตัดได้เท่านั้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ และคนอื่นนำผู้สื่อข่าวเข้ามาหาว่าอาตมาตัดไม้ในวัดแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี ก็เครียด แต่ก็ไม่รู้ทำอย่างไร หากผิดก็ให้ว่าไปตามผิดก็แล้วกัน เพราะอาตมาก็ไม่มีเจตนาที่จะตัดไม้ไปทำอะไรอย่างอื่น และไม่โกรธหากญาติโยมจะตำหนิ
ด้านนายอนันต์ แก้ววรรณ หัวหน้าวนอุทยานม่อนพระยาแช่ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตนได้รับแจ้งว่าที่วัดฯ มีการตัดต้นไม้ แต่เนื่องจากได้รับแจ้งช่วงเย็นแล้วตนไม่อยู่จึงไม่ได้เข้าไป จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) ก็ได้รับการประสานงานอีกครั้ง จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบว่ามีนักข่าวไปดูที่วัดด้วย และเมื่อนักข่าวมาสัมภาษณ์ตนก็บอกไปว่า “จริงๆ ผมไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เพราะวัดไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของวนอุทยานม่อนพระยาแช่ ขอให้เป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นหน่วยท่าสีรับผิดชอบ เพราะวัดมีโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง”
นอกจากนี้ตนยังได้ระบุข้อกฎหมายในภาพกว้างๆ ในเรื่องของการตัดไม้ ทำไม้ เคลื่อนย้ายไม้ในป่าเท่านั้น โดยได้ระบุว่า หากไม้ที่อยู่ในเขตป่าผิดกฎหมายอยู่แล้ว มันต้องขออนุญาตตั้งโรงงานให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับของวัด แม้ไม้มะค่าจะเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ที่ห้ามมี 13 ชนิด แต่ไม้มะค่าอยู่นอกบัญชี หากอยู่ในพื้นที่ที่มีโฉนดก็สามารถตัดได้ และวัดก็ไม่ได้แปรรูป เคลื่อนย้ายใดๆ
“ผมก็บอกกับผู้สื่อข่าวไปแล้วว่าหลวงพ่อทำผิดขั้นตอนนิดเดียวเท่านั้น ที่ไม่เรียกประชุมกรรมการวัดก่อน แต่ที่วัดเป็นที่ที่มีโฉนด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางหลวงพ่อบอกว่าก่อนหน้านั้นที่เห็นต้นไม้เอียงได้บอกให้ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาดูแล้วถึงสองครั้งแต่ก็ไม่มา นายอนันต์บอกว่า เรื่องนั้นไม่ทราบ แต่ตอนตัดไม่ได้แจ้ง
ขณะที่นายสุรัชฐนพ สิงหาคำ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าฝ่ายการมีส่วนร่วมด้านการป้องกันและปราบปราม, หัวหน้างานด้านป่าไม้, หัวหน้างานแผนงาน และหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.38 (ท่าสี) ได้สรุปรายงานหลังมีการประชุมร่วมกันระหว่างนายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง), นายสุเทพ พุทชา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ณ สำนักจัดการทรัยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) ในกรณีดังกล่าว
โดยระบุว่า หลังรับแจ้งจากราษฎรผู้หวังดีว่าในบริเวณวัดม่อนพระยาแช่มีการตัดต้นไม้มะค่า จึงนำคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ เมื่อมาถึงวัดได้พบไม้มะค่าตัดกองรวมกันอยู่หน้ากุฏิที่พักสงฆ์ จึงได้เข้าพบหลวงพ่อเจ้าอาวาสฯ พร้อมได้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ตัด หลวงพ่อได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ากลัวต้นไม้หักล้มทับกุฏิที่พักสงฆ์ กลัวเกิดอันตรายแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษา จึงได้ให้ราษฎรมาช่วยดำเนินการตัดออก
คณะเจ้าหน้าที่ได้สอบถามหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่าที่ดินวัดมีโฉนดที่ดินหรือไม่ หลวงพ่อได้นำเอาสำเนาเอกสารโฉนดมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู คณะเจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้หลวงพ่อทราบว่า ไม้ที่ตัดนั้นเป็นส่วนควบของที่ดินที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายที่ดิน ซึ่งครอบครองโดยนิติบุคคล ดังนั้นการตัดไม้มะค่านั้นไม่ผิดกฎหมายป่าไม้ และสามาถนำไม้ดังกล่าวมาใช้ในกิจกรรมวัดได้ เว้นแต่นำเคลื่อนที่ฯ การทำไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์นั้น นอกจากไม้สัก ไม้ยาง และไม้ตามประกาศของคณะ คสช.ที่ 106/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557
ขณะที่บรรดากลุ่มคนชมรมเฮาฮักม่อนพระยาแช่ที่เข้าทำกิจกรรมการทำฝายในพื้นที่วนอุทยานม่อนพระยาแช่ และช่วยกันรณรงค์เรื่องปลูกป่า ต่างไม่พอใจที่มีนักข่าวไปกล่าวหาว่าทางวัดสร้างภาพนำเด็กมาร่วมสร้างฝาย และมีการนำเสนอข่าวไม่ครบถ้วน กระพือข่าวเพียงว่าการที่วัดตัดต้นมะค่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ทำให้สังคมมองเจ้าอาวาสและวัดไปในทางเสียหาย และอาจจะกระทบถึงความศรัทธาของญาติโยมที่มีต่อวัดตลอดมาด้วย ซึ่งจะได้มีการประชุมหารือกันในเรื่องนี้อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป
