เชียงใหม่ - ถอดบทเรียนชีวิตหนุ่มกะเหรี่ยงสบเปิง พิการตาบอดสนิท 2 ข้าง ต้องลาออกมหาวิทยาลัย หมกตัวอยู่ในห้อง 2 ปี ก่อนยึดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง “ในหลวง ร.๙” เป็นธงนำ ปั้นโรงงานเนยถั่ว ติดแบรนด์ส่งขายซูเปอร์มาร์เกต ทำยอดขายกว่าล้านต่อเดือน
ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับการสู้ชีวิตของ นายพอลร์ ผู้พิชิตไพร เถ้าแก่ใหญ่ หจก.พีเอยูแอล เทรดดิ้ง ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หนุ่มชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ หรือชาวกะเหรี่ยง วัย 40 ปี ผู้พิการตาบอดสนิททั้งสองข้าง ที่ยึดมั่นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของ ในหลวง ร.๙ และต่อสู้แบบล้มลุกคลุกคลาน ปลุกปั้นโรงงานผลิตเนยถั่ว น้ำมัน ผลิตภัณฑ์จากถั่วงาส่งขายซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่งได้ในที่สุด
นายพอลร์ เถ้าแก่ใหญ่ หจก.พีเอยูแอล เทรดดิ้ง เปิดเผยว่า ตนเริ่มป่วยด้วยโรคเบเซ็ต (Behcet's) คือ โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อปี 2541 กระทั่งปี 2544 ตาทั้งสองข้างก็บอดสนิท ขณะกำลังเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี ปี 3 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
หลังจากนั้น ก็ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย มาอยู่บ้านที่สบเปิง เพราะทำใจไม่ได้ เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนานกว่า 2 ปี ก่อนจะเข้าไปอยู่ในศูนย์พัฒนาฟื้นฟูคนพิการ จนสามารถเรียนต่อระดับปริญญาตรี จนจบในวิชาชีพครุศาสตรบัณฑิต แต่เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมจึงไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน ก็กลับมาอยู่บ้านอีก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพ่อตนเป็นมิชชันนารีสอนศาสนา มีชาวต่างชาติที่นิยมกินขนมปัง เนยเดินทางมาพบปะบ่อยครั้ง ประกอบกับพยายามศึกษาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ “ในหลวง ร.๙” พยายามคิดค้นพัฒนาสูตรการผลิตเนย ทำแบบล้มลุกคลุกคลาน จนออกแบบสร้างเครื่องจักร ตั้งโรงงานเอง พัฒนาต่อยอดจนได้ อย.และมาตรฐานรับรองอย่างอื่นหลายอย่าง
กระทั่งปัจจุบันนี้ สามารถนำผลิตภัณฑ์เนยถั่ว น้ำมันถั่ว และผลิตจากถั่ว งา วางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่ง สร้างยอดขายนับล้านบาทต่อเดือน อีกทั้งยังคงพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็นำรายได้ส่วนหนึ่งคืนสังคมผ่านมูลนิธิการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะในการดำรงชีวิต ช่วยเด็กยากไร้ทั้งชายหญิง ถึง 35 คนด้วย